ฟุตโน้ต:24:147-กุสีตารัมภวัตถุสูตร

ความแตกต่าง

นี่เป็นการแสดงความแตกต่างระหว่างเพจสองรุ่น

ลิงค์ไปยังการเปรียบเทียบนี้

การแก้ไขก่อนหน้าทั้งสองฝั่ง การแก้ไขก่อนหน้า
การแก้ไขถัดไป
การแก้ไขก่อนหน้า
ฟุตโน้ต:24:147-กุสีตารัมภวัตถุสูตร [2020/09/21 07:52] dhammaฟุตโน้ต:24:147-กุสีตารัมภวัตถุสูตร [2021/01/02 13:14] (ฉบับปัจจุบัน) – แก้ไขภายนอก 127.0.0.1
บรรทัด 3: บรรทัด 3:
 [185] ดูกรภิกษุทั้งหลายเหตุขี้เกียจ (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) มี 8 ข้อ. กุสีตวัตถุ 8 ข้ออย่างไร? [185] ดูกรภิกษุทั้งหลายเหตุขี้เกียจ (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) มี 8 ข้อ. กุสีตวัตถุ 8 ข้ออย่างไร?
  
-# ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อมีการงาน (มีการดูแลจีวรเป็นต้น) ที่ภิกษุในธรรมวินัยนี้จำเป็นต้องทำให้เสร็จ, เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เดี๋ยวจักมีการงานที่เราต้องทำ.  เมื่อเราทำงานอยู่ กายก็จักเหนื่อยล้า.   ฉะนั้น ตอนนี้เราจะนอน (เก็บแรงไว้ก่อนทำงาน)." เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง (คือ ฌาน วิปัสสนา มรรค ผล) เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อกระทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจ (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) ข้อที่ 1 ฯ+# ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อมีการงาน (มีการดูแลจีวรเป็นต้น) ที่ภิกษุในธรรมวินัยนี้จำเป็นต้องทำให้เสร็จ, เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เดี๋ยวจักมีการงานที่เราต้องทำ.  เมื่อเราทำงานอยู่ กายก็จักเหนื่อยล้า.   ฉะนั้น ตอนนี้เราจะนอน (เก็บแรงไว้ก่อนทำงาน)." เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียร (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง (คือ ฌาน วิปัสสนา มรรค ผล) เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อกระทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจ (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) ข้อที่ 1 ฯ
 # อีกข้อคือ เมื่อการงานนั้นภิกษุได้ทำเสร็จแล้ว. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "การงานเราก็ทำเสร็จแล้ว. เมื่อเราทำงานเสร็จแล้ว กายก็เหนื่อยล้าพอแล้ว. ฉะนั้น ตอนนี้เราจะนอน (พักผ่อนหลังทำงาน)." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุเพื่อกระทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 2 ฯ # อีกข้อคือ เมื่อการงานนั้นภิกษุได้ทำเสร็จแล้ว. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "การงานเราก็ทำเสร็จแล้ว. เมื่อเราทำงานเสร็จแล้ว กายก็เหนื่อยล้าพอแล้ว. ฉะนั้น ตอนนี้เราจะนอน (พักผ่อนหลังทำงาน)." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุเพื่อกระทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 2 ฯ
 # อีกข้อคือ เมื่อภิกษุต้องเดินทาง. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราจักต้องเดินทาง. เมื่อเราเดินทางอยู่ กายก็จักต้องเหนื่อยล้า. ฉะนั้น ตอนนี้เราจะนอน (เก็บแรงไว้ก่อนเดินทาง)." เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงทางที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุทางที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งทางที่ยังไม่ทำให้แจ้ง.  นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 3 ฯ # อีกข้อคือ เมื่อภิกษุต้องเดินทาง. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราจักต้องเดินทาง. เมื่อเราเดินทางอยู่ กายก็จักต้องเหนื่อยล้า. ฉะนั้น ตอนนี้เราจะนอน (เก็บแรงไว้ก่อนเดินทาง)." เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงทางที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุทางที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งทางที่ยังไม่ทำให้แจ้ง.  นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 3 ฯ
-# อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเดินทางเสร็จแล้ว. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราก็ได้เดินทางเสร็จแล้ว. เมื่อเราเดินทางเสร็จแล้ว กายก็เหนื่อยล้าพอแล้ว. ฉะนั้น เราจะนอน (พักผ่อนหลังเดินทาง)." เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงทางที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุทางที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งทางที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 4 ฯ+# อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเดินทางเสร็จแล้ว. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราก็ได้เดินทางเสร็จแล้ว. เมื่อเราเดินทางเสร็จแล้ว กายก็เหนื่อยล้าพอแล้ว. ฉะนั้น เราจะนอน (พักผ่อนหลังเดินทาง)." เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงทางที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุทางที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งทางที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 4 ฯ
 # อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะอันเศร้าหมองหรือประณีตเพียงพอตามต้องการ. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราเที่ยวเดินบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะอันเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการ กายของเราเหนื่อยล้าแล้ว ไม่ควรแก่การงาน. ฉะนั้น เราจะนอน." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 5 ฯ # อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะอันเศร้าหมองหรือประณีตเพียงพอตามต้องการ. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราเที่ยวเดินบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะอันเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการ กายของเราเหนื่อยล้าแล้ว ไม่ควรแก่การงาน. ฉะนั้น เราจะนอน." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 5 ฯ
 # อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีตเพียงพอตามต้องการ. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการแล้ว กายของเรานั้นหนัก (เพราะง่วงนอน) ไม่ควรแก่การงาน เหมือนถั่วชุ่มด้วยน้ำ. ฉะนั้น เราจะนอน." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 6 ฯ # อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีตเพียงพอตามต้องการ. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการแล้ว กายของเรานั้นหนัก (เพราะง่วงนอน) ไม่ควรแก่การงาน เหมือนถั่วชุ่มด้วยน้ำ. ฉะนั้น เราจะนอน." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 6 ฯ
บรรทัด 20: บรรทัด 20:
 [186] ดูกรภิกษุทั้งหลายเหตุขยัน (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) มี 8 ข้อ. อารัมภวัตถุ 8 ข้ออย่างไร? [186] ดูกรภิกษุทั้งหลายเหตุขยัน (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) มี 8 ข้อ. อารัมภวัตถุ 8 ข้ออย่างไร?
  
-# ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อมีการงาน (มีการดูแลจีวรเป็นต้น) ที่ภิกษุในธรรมวินัยนี้จำเป็นต้องทำให้เสร็จ. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เดี๋ยวจักมีการงานที่เราต้องทำ. เมื่อเราทำการงานอยู่ ก็จักไม่ง่ายต่อการมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง (คือ ฌาน วิปัสสนา มรรค ผล)  เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง". เธอปรารภความเพียร (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขยัน (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) ข้อที่ 1 ฯ+# ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อมีการงาน (มีการดูแลจีวรเป็นต้น) ที่ภิกษุในธรรมวินัยนี้จำเป็นต้องทำให้เสร็จ. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เดี๋ยวจักมีการงานที่เราต้องทำ. เมื่อเราทำการงานอยู่ ก็จักไม่ง่ายต่อการมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียร (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) ตอนนี้เลย เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง (คือ ฌาน วิปัสสนา มรรค ผล)  เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง". เธอปรารภความเพียร (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขยัน (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) ข้อที่ 1 ฯ
 # อีกข้อคือ เมื่อภิกษุทำการงานเสร็จแล้ว. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "การงานเราได้ทำเสร็จแล้ว. ตอนที่เราทำการงานอยู่ เราไม่สามารถมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง." เธอปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 2 ฯ # อีกข้อคือ เมื่อภิกษุทำการงานเสร็จแล้ว. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "การงานเราได้ทำเสร็จแล้ว. ตอนที่เราทำการงานอยู่ เราไม่สามารถมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง." เธอปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 2 ฯ
 # อีกข้อคือ เมื่อภิกษุต้องเดินทาง. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เดี๋ยวเราจักต้องเดินทาง. เมื่อเราเดินทางอยู่ ก็จักไม่ง่ายต่อการมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย ฯลฯ นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 3 ฯ # อีกข้อคือ เมื่อภิกษุต้องเดินทาง. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เดี๋ยวเราจักต้องเดินทาง. เมื่อเราเดินทางอยู่ ก็จักไม่ง่ายต่อการมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย ฯลฯ นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 3 ฯ