ฟุตโน้ต:24:147-กุสีตารัมภวัตถุสูตร

กุสีตวัตถุสูตร

[185] ดูกรภิกษุทั้งหลายเหตุขี้เกียจ (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) มี 8 ข้อ. กุสีตวัตถุ 8 ข้ออย่างไร?

  1. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อมีการงาน (มีการดูแลจีวรเป็นต้น) ที่ภิกษุในธรรมวินัยนี้จำเป็นต้องทำให้เสร็จ, เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เดี๋ยวจักมีการงานที่เราต้องทำ. เมื่อเราทำงานอยู่ กายก็จักเหนื่อยล้า. ฉะนั้น ตอนนี้เราจะนอน (เก็บแรงไว้ก่อนทำงาน)." เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียร (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง (คือ ฌาน วิปัสสนา มรรค ผล) เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อกระทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจ (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) ข้อที่ 1 ฯ
  2. อีกข้อคือ เมื่อการงานนั้นภิกษุได้ทำเสร็จแล้ว. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "การงานเราก็ทำเสร็จแล้ว. เมื่อเราทำงานเสร็จแล้ว กายก็เหนื่อยล้าพอแล้ว. ฉะนั้น ตอนนี้เราจะนอน (พักผ่อนหลังทำงาน)." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุเพื่อกระทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 2 ฯ
  3. อีกข้อคือ เมื่อภิกษุต้องเดินทาง. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราจักต้องเดินทาง. เมื่อเราเดินทางอยู่ กายก็จักต้องเหนื่อยล้า. ฉะนั้น ตอนนี้เราจะนอน (เก็บแรงไว้ก่อนเดินทาง)." เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงทางที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุทางที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งทางที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 3 ฯ
  4. อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเดินทางเสร็จแล้ว. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราก็ได้เดินทางเสร็จแล้ว. เมื่อเราเดินทางเสร็จแล้ว กายก็เหนื่อยล้าพอแล้ว. ฉะนั้น เราจะนอน (พักผ่อนหลังเดินทาง)." เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงทางที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุทางที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งทางที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 4 ฯ
  5. อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะอันเศร้าหมองหรือประณีตเพียงพอตามต้องการ. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราเที่ยวเดินบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะอันเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการ กายของเราเหนื่อยล้าแล้ว ไม่ควรแก่การงาน. ฉะนั้น เราจะนอน." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 5 ฯ
  6. อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีตเพียงพอตามต้องการ. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการแล้ว กายของเรานั้นหนัก (เพราะง่วงนอน) ไม่ควรแก่การงาน เหมือนถั่วชุ่มด้วยน้ำ. ฉะนั้น เราจะนอน." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 6 ฯ
  7. อีกข้อคือ อาพาธเล็กน้อยเกิดขึ้นแก่ภิกษุ. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "อาพาธเล็กน้อยนี้เกิดแก่เราแล้ว สมควรจะนอน. ฉะนั้น เราจะนอน." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 7 ฯ
  8. อีกข้อคือ เมื่อภิกษุหายจากอาพาธแล้ว แต่เพิ่งหายไม่นาน. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราหายจากอาพาธแล้ว แต่ยังหายไม่นาน. กายของเรายังอ่อนเพลีย ไม่ควรแก่การงาน. ฉะนั้น เราจะนอน." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงการงานที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุการงานที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งการงานที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 8 ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลายกุสีตวัตถุ 8 ประการนี้แล ฯ

จบสูตรที่ 18

อารัมภวัตถุสูตร

[186] ดูกรภิกษุทั้งหลายเหตุขยัน (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) มี 8 ข้อ. อารัมภวัตถุ 8 ข้ออย่างไร?

  1. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อมีการงาน (มีการดูแลจีวรเป็นต้น) ที่ภิกษุในธรรมวินัยนี้จำเป็นต้องทำให้เสร็จ. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เดี๋ยวจักมีการงานที่เราต้องทำ. เมื่อเราทำการงานอยู่ ก็จักไม่ง่ายต่อการมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียร (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) ตอนนี้เลย เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง (คือ ฌาน วิปัสสนา มรรค ผล) เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง". เธอปรารภความเพียร (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขยัน (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) ข้อที่ 1 ฯ
  2. อีกข้อคือ เมื่อภิกษุทำการงานเสร็จแล้ว. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "การงานเราได้ทำเสร็จแล้ว. ตอนที่เราทำการงานอยู่ เราไม่สามารถมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง." เธอปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 2 ฯ
  3. อีกข้อคือ เมื่อภิกษุต้องเดินทาง. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เดี๋ยวเราจักต้องเดินทาง. เมื่อเราเดินทางอยู่ ก็จักไม่ง่ายต่อการมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย ฯลฯ นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 3 ฯ
  4. อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเดินทางเสร็จแล้ว. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราได้เดินทางเสร็จแล้ว. ตอนที่เราเดินทางอยู่ เราไม่สามารถมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย ฯลฯ นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 4 ฯ
  5. อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการ. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการ. กายของเราจึงเบา ควรแก่การงาน. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย ฯลฯ นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 5 ฯ
  6. อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการ. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราเที่ยวบิณฑบาตตามหมู่บ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือ ประณีตบริบูรณ์ พอแก่ความต้องการ. กายของเราจึงเบา ควรแก่ การงาน. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย ฯลฯ นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 6 ฯ
  7. อีกข้อคือ เมื่ออาพาธเล็กน้อยเกิดขึ้นแก่ภิกษุ เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "อาพาธเล็กน้อยนี้เกิดขึ้นแก่เรา. และอาพาธของเราก็สามารถมีอาการหนักยิ่งขึ้นไปได้อีก. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย ฯลฯ นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 7 ฯ
  8. อีกข้อคือ เมื่อภิกษุหายจากอาพาธแล้ว แต่ยังหายไม่นาน เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราหายจากอาพาธแล้ว แต่ยังหายไม่นาน. และอาพาธของเราก็สามารถกลับมาเป็นได้อีก. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อกระทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง." เธอปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 8 ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อารัพภวัตถุ 8 ประการนี้แล ฯ

จบสูตรที่ 19

จบยมกวรรคที่ 3


รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ

1. ปฏิปทาสูตร 6 สูตร

2. อิจฉาสูตร

3. ลัจฉาสูตร 8 สูตร

4. ปริหานสูตร

5. อปริหานสูตร

6. กุสีตวัตถุสูตร

7. อารัพภวัตถุสูตร ฯ