ฟุตโน้ต:24:147-กุสีตารัมภวัตถุสูตร

ความแตกต่าง

นี่เป็นการแสดงความแตกต่างระหว่างเพจสองรุ่น

ลิงค์ไปยังการเปรียบเทียบนี้

การแก้ไขถัดไป
การแก้ไขก่อนหน้า
ฟุตโน้ต:24:147-กุสีตารัมภวัตถุสูตร [2020/09/21 06:14] – ถูกสร้าง dhammaฟุตโน้ต:24:147-กุสีตารัมภวัตถุสูตร [2021/01/02 13:14] (ฉบับปัจจุบัน) – แก้ไขภายนอก 127.0.0.1
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
 =กุสีตวัตถุสูตร= =กุสีตวัตถุสูตร=
  
-[185] ดูกรภิกษุทั้งหลายเหตุขี้เกียจมี 8 ข้อ (กุสีตวัตถุ). 8 ข้ออย่างไร?+[185] ดูกรภิกษุทั้งหลายเหตุขี้เกียจ (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) มี 8 ข้อกุสีตวัตถุ 8 ข้ออย่างไร?
  
-# ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรวินัยน้ ต้องทำการงาน (มีการดูแลจีวรเป็นต้น)เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เดี๋ยวเราจักต้องทำการงาน เมื่อเราทำงานเสร็จแล้ว กายก็จักต้งทรมน,   ฉะนั้น ตอนนี้เราจะนอน (เก็บแรงไว้ก่อนทำงาน)." เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง (คือ ฌาน วิปัสสนา มรรค ผล) เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อกระทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจ (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) ข้อที่ 1 ฯ +# ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อมีการงาน (มีการดูแลจีวรเป็นต้น) ที่ภิกษุในธรรมวินัยนี้จำเป็นต้องทำให้เสร็จ, เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เดี๋ยวจักมีการงานที่เราต้องทำ.  เมื่อเราทำงานอยู่ กายก็จักเหนื่ยล้  ฉะนั้น ตอนนี้เราจะนอน (เก็บแรงไว้ก่อนทำงาน)." เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียร (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง (คือ ฌาน วิปัสสนา มรรค ผล) เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อกระทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจ (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) ข้อที่ 1 ฯ 
-# อีกข้อคือ ภิกษุทำการงานเสร็จแล้ว. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราก็ทำการงานเสร็จแล้วเมื่อเราทำงานเสร็จแล้ว กายก็ทรมานพอแล้วฉะนั้น ตอนนี้เราจะนอน (พักผ่อนหลังทำงาน)." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุเพื่อกระทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 2 ฯ +# อีกข้อคือ เมื่อการงานนั้นภิกษุได้ทำเสร็จแล้ว. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "การงานเราก็ทำเสร็จแล้วเมื่อเราทำงานเสร็จแล้ว กายก็เหื่อยล้าพอแล้วฉะนั้น ตอนนี้เราจะนอน (พักผ่อนหลังทำงาน)." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุเพื่อกระทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 2 ฯ 
-# อีกข้อคือ ภิกษุต้องเดินทาง. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราจักต้องเดินทางเมื่อเราเดินทางเสร็จแล้ว กายก็จักต้องทรมา, ผิฉะนั้น ตอนนี้เราจะนอน (เก็บแรงไว้ก่อนเดินทาง)." เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงทางที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุทางที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งทางที่ยังไม่ทำให้แจ้ง.  นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 3 ฯ +# อีกข้อคือ เมื่อภิกษุต้องเดินทาง. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราจักต้องเดินทางเมื่อเราเดินทางอยู่ กายก็จักต้องเหื่อยล้า. ฉะนั้น ตอนนี้เราจะนอน (เก็บแรงไว้ก่อนเดินทาง)." เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงทางที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุทางที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งทางที่ยังไม่ทำให้แจ้ง.  นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 3 ฯ 
-# อีกข้อคือ ภิกษุเดินทางเสร็จแล้ว. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราก็ได้เดินทางเสร็จแล้วเมื่อเราเดินทางเสร็จแล้ว กายก็ทรมานพอแล้วฉะนั้น เราจะนอน (พักผ่อนหลังเดินทาง)." เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียรเพื่อถึงทางที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุทางที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งทางที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 4 ฯ +# อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเดินทางเสร็จแล้ว. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราก็ได้เดินทางเสร็จแล้วเมื่อเราเดินทางเสร็จแล้ว กายก็เหื่อยล้าพอแล้วฉะนั้น เราจะนอน (พักผ่อนหลังเดินทาง)." เธอนอนเสียไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงทางที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุทางที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งทางที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 4 ฯ 
-# อีกข้อคือ ภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะอันเศร้าหมองหรือประณีตพอแก่ความต้องการ เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราเที่ยวเดินบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะอันเศร้าหมองหรือประณีตพอแก่ความต้องการ กายของเรานั้นำบแล้ว ไม่ควรแก่การงานฉะนั้น เราจะนอน." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 5 ฯ +# อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะอันเศร้าหมองหรือประณีตเพียงพอามต้องการเธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราเที่ยวเดินบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะอันเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการ กายของเราเหื่อยาแล้ว ไม่ควรแก่การงานฉะนั้น เราจะนอน." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 5 ฯ 
-# อีกข้อคือ ภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการ เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการแล้ว กายของเรานั้นหนัก ไม่ควรแก่การงาน เหมือนถั่วชุ่มด้วยน้ำผิฉะนั้นเราจะนอน เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 6 ฯ +# อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีตเพียงพอามต้องการเธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการแล้ว กายของเรานั้นหนัก (เพราะง่วงนอน) ไม่ควรแก่การงาน เหมือนถั่วชุ่มด้วยน้ำฉะนั้น เราจะนอน." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 6 ฯ 
-# อีกข้อคือ อาพาธเล็กน้อยเกิดขึ้นแก่ภิกษุ เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "อาพาธเล็กน้อยนี้เกิดแก่เราแล้ว มีข้ออ้างเพื่อจะนอนฉะนั้น เราจะนอน." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 7 ฯ +# อีกข้อคือ อาพาธเล็กน้อยเกิดขึ้นแก่ภิกษุเธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "อาพาธเล็กน้อยนี้เกิดแก่เราแล้ว ควรจะนอนฉะนั้น เราจะนอน." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร ฯลฯ. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 7 ฯ 
-# อีกข้อคือ ภิกษุหายจากอาพาธแล้ว แต่ยังหายไม่นาน เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราหายจากอาพาธแล้ว แต่ยังหายไม่นาน กายของเรายังอ่อนเพลีย ไม่ควรแก่การงานฉะนั้น เราจะนอน." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงการงานที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุการงานที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งการงานที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 8 ฯ +# อีกข้อคือ เมื่อภิกษุหายจากอาพาธแล้ว แต่เพิ่งหายไม่นานเธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราหายจากอาพาธแล้ว แต่ยังหายไม่นาน.  กายของเรายังอ่อนเพลีย ไม่ควรแก่การงานฉะนั้น เราจะนอน." เธอนอนเสีย ไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงการงานที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุการงานที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งการงานที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขี้เกียจข้อที่ 8 ฯ 
  
 ดูกรภิกษุทั้งหลายกุสีตวัตถุ 8 ประการนี้แล ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลายกุสีตวัตถุ 8 ประการนี้แล ฯ
บรรทัด 16: บรรทัด 16:
 ''จบสูตรที่ 18'' ''จบสูตรที่ 18''
  
-=อารัภวัตถุสูตร=+=อารัภวัตถุสูตร=
  
-[186] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อารัภวัตถุ 8 ประการนี้ 8 ประกรเป็นฉน?+[186] ดูกรภิกษุทั้งหลายเหตุขยัน (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) มี 8 ข้อ. อารัภวัตถุ 8 ออย่?
  
-# ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ต้องทำกางาน เธอมีความคิดอย่างนี้ว่าเราจักต้องทำการงานแล ก็เมื่อเราทำการงานอยู่ ไม่พึทำมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ง่าย ผิฉะนั้น เราจะรีบปรารภความเพียรียอน เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง (คือ ฌาน วิปัสสนา มรรค ผล)  เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้งเธอปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขยัน (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) ข้อที่ 1 ฯ +# ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อมีการงาน (มีการดูแลจีวรเป็นต้น) ที่ภิกษุในธรรมวินัยนี้จำเป็นต้องทำให้เส็จ. เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "ดี๋ยวจักมีการงานที่เราต้องทำ. เมื่อเราทำการงานอยู่ ก็จักไม่ง่ายต่อการมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายฉะนั้น เราจะปรารภความเพียร (มนารคำสอนของพระพุทธเจ้า) ตอนนี้เลย เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง (คือ ฌาน วิปัสสนา มรรค ผล)  เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง"เธอปรารภความเพียร (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขยัน (มนสิการคำสอนของพระพุทธเจ้า) ข้อที่ 1 ฯ 
-# อีกข้อคือ ภิกษุทำการงานแล้ว เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราได้ทำกางานแล้ว ก็เมื่อเราทำการงานอยู่ ไม่สามารถมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธ*เจ้าทั้งหลายได้ ผิฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง เธอปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง . นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 2 ฯ +# อีกข้อคือ เมื่อภิกษุทำการงานเสร็จแล้วเธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "การงานเราได้ทำเส็จแล้ว. ตนที่เราทำการงานอยู่ เราไม่สามารถมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง." เธอปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 2 ฯ 
-# อีกข้อคือ ภิกษุต้องเดินทาง เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราจักต้องเดินทาง ก็เมื่อเราเดินทางอยู่ ไม่พึงกระทำมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ง่าย ผิฉะนั้น เราจะปรารภความเพียร ฯลฯนี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 3 ฯ +# อีกข้อคือ เมื่อภิกษุต้องเดินทางเธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เดี๋ยวเราจักต้องเดินทางเมื่อเราเดินทางอยู่ ก็จักไม่ง่ายต่อรมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย ฯลฯ นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 3 ฯ 
-# อีกข้อคือ ภิกษุเดินทางแล้ว เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราได้เดินทางแล้ว ก็เมื่อเราเดินทางอยู่ ไม่สามารถมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ ผิฉะนั้น เราจะปรารภความเพียร ฯลฯ นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 4 ฯ +# อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเดินทางเสร็จแล้วเธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราได้เดินทางเสร็จแล้ว. ตนที่เราเดินทางอยู่ เราไม่สามารถมนสิการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย ฯลฯ นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 4 ฯ 
-# อีกข้อคือ ภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการ เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการ กายของเรานั้นเบาควรแก่การงาน ผิฉะนั้น เราจะปรารภความเพียร ฯลฯนี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 5 ฯ +# อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการเธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ไม่ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการกายของเราจึงเบา ควรแก่การงานฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย ฯลฯ นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 5 ฯ 
-# อีกข้อคือ ภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการ เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราเที่ยวบิณฑบาตตามหมู่บ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือ ประณีตบริบูรณ์เพียงพอามต้องการแล้ว กายของเราเบา ควรแก่ การงาน อย่ากระนั้นเลย เราจะรีบปรารภความเพียร ฯลฯ  นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 6 ฯ +# อีกข้อคือ เมื่อภิกษุเที่ยวบิณฑบาตตามบ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือประณีต พอแก่ความต้องการเธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราเที่ยวบิณฑบาตตามหมู่บ้านหรือนิคม ได้โภชนะเศร้าหมองหรือ ประณีตบริบูรณ์ พอแก่ความต้องการกายของเราจึงเบา ควรแก่ การงาน. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย ฯลฯ  นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 6 ฯ 
-# อีกข้อคือ อาพาธเล็กน้อยเกิดขึ้นแก่ภิกษุ เธอมีความคิดอย่างนี้ว่าอาพาธเล็กน้อยนี้เกิดขึ้นแก่เรา การที่อาพาธของเราจะพึงลับำเิบนั้น ็นฐานะที่จะมีได้ ผิฉะนั้น เราจะปรารภความเพียร ฯลฯนี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 7 ฯ +# อีกข้อคือ เมื่ออาพาธเล็กน้อยเกิดขึ้นแก่ภิกษุ เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "อาพาธเล็กน้อยนี้เกิดขึ้นแก่เรา. และอาพาธของเราก็สามารถมีอานักยิ่งขึ้นปได้อีก. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรตอนนี้เลย ฯลฯ นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 7 ฯ 
-# อีกข้อคือ ภิกษุหายจากอาพาธแล้ว แต่ยังหายไม่นาน เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า เราหายจากอาพาธแล้ว แต่ยังหายไม่นาน การที่อาพาธของเราจะพึงกลับกำเริบนั้น เป็นฐานะที่จะมีได้ ผิฉะนั้น จะรีบปรารภความเพียรเสียก่อนเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อกระทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง เธอปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 8 ฯ+# อีกข้อคือ เมื่อภิกษุหายจากอาพาธแล้ว แต่ยังหายไม่นาน เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า "เราหายจากอาพาธแล้ว แต่ยังหายไม่นาน. และอาพาธของเราก็สามารถกลับมาเป็นได้อีก. ฉะนั้น เราจะปรารภความเพียรอนนี้เลย เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อกระทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง." เธอปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง. นี้เป็นเหตุขยันข้อที่ 8 ฯ
  
 ดูกรภิกษุทั้งหลาย อารัพภวัตถุ 8 ประการนี้แล ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อารัพภวัตถุ 8 ประการนี้แล ฯ