**นี่คือเอกสารรุ่น/ฉบับเก่า**
[183]
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสนํฯ
[184]
‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา,
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา;
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี,
น สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโตฯ
[185]
‘‘อนูปวาโท อนูปฆาโต, ปาติโมกฺเข จ สํวโร;
มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมิํ, ปนฺตญฺจ สยนาสนํ;
อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติฯ
โอวาทปาติโมกข์แปลแบบเนตติปกรณ์
6 มีนาคม 2023
ความสำคัญของวันมาฆบูชาคือ
สงฆ์ที่ประชุมเป็นเสาหลักกลุ่มแรกในพระศาสนาของพระโคดมพุทธเจ้า ศาสนาจะประดิษฐานได้มั่นคงเพียงใดขึ้นอยู่กับสงฆ์กลุ่มนี้ เพราะเป็นเมืองแรกที่ครองใจผู้ใหญ่ทั้งเมืองทุกระดับหมด.
คำสอนของพระพุทธเจ้าในวันนั้นก็ทรงสอนหัวใจของการปฏิบัติ คือ ให้สงฆ์สาวกปิดทวาร 6 จากอกุศลทั้งหมด ด้วยปาติโมกขสังวรศีล อินทรีย์สังวรศีล เพื่อทำฌานจิตให้ขาวรอบ คือ ปริโยทาปนํ ในฌานที่ 4 (สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา สจิตฺตปริโยทาปนํ เอตํ พุทฺธานสาสนํ[ดู ที.สี.สุภสูตร สามัญญผลสูตร ประกอบ]).
โดยมีคำอธิบายใน 2 คาถาต่อมาว่า ความอดทนทำฌาน 4 นั่นแหละให่ต่อเนื่องไม่มีกิเลสคั่นไม่มีภวังค์คั่น เป็นการเผาตัณหาได้ต่อเนื่องที่สุด. ซึ่งการออกจากตัณหา คือ นิพพาน นั้นเอง ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสว่าเป็นสิ่งที่ดีเลิศที่สุด.
ส่วนการปิดทวารด้วยปาฏิโมกขสังวรศีล ก็คือการมีนิสัยไม่พูดร้ายถึงผู้อื่น ไม่ทำร้ายผู้อื่น บวชออกจากเรือนแล้วก็สงบปาก สงบทวาร 3 เพราะคนแบบนั้นไม่เรียกว่าเป็นสมณะที่บวชในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าเลย (ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา น หิ ปพฺพชิโตปรูปฆาตี อสมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต).
ผู้ที่ปิดทวาร 3 ด้วยปาฏิโมกขสังวรศีลได้แล้ว คือ คนที่มีปกติไม่พูดร้ายถึงคนอื่น ไม่ทำร้ายผู้อื่นได้เป็นนิจ คนเหล่านี้ถึงจะรู้จักประมาณในโภชนะ แล้วจึงยินดีในเสนาสนะที่เหมาะกับการภาวนาฌานจิตที่สูงๆ ขึ้นไปให้ถึงปริโยทาปนํในฌานที่ 4.
เหล่านี้ทั้งหมดเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์. (อนูปวาโท อนูปฆาโต ปาติโมกฺเข จ สํวโร มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ปญฺตญฺจ สยนาสนํ อธิจิตฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธานสาสนํ).
ใครเรียนบาลีแล้วยังแปลโอวาทปาติโมกข์ไม่ได้ระดับนี้ ให้ปิดตำรา แล้วไปทำฌาน 4 แล้วค่อยมาท่องจำทีฆนิกายปาฬิ ด้วยวิธีการของเนติปกรณ์ กับผู้ทรงจำพระไตรปิฎกอย่างพะอ็อกตอยะสยาดอครับ แล้วจะแปลง่ายมากไปเลย 😊🙏🥰.
โอวาทปาติโมกข์ (ฉบับแปลตามสนธิอนุสนธิ)
9 ตุลาคม 2022
การไม่ทำบาปทั้งปวง
การทำกุศลทั้งปวงให้สมบูรณ์
การทำจิตให้ขาวรอบ (ด้วยโลกิยะจตุตถฌานสมาธิและโลกุตตรฌานสมาธิ)
นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
การอดทนทำทั้ง 3 ข้อนั้น เป็นความพยายามที่ดีที่สุด เพราะพระพุทธเจ้าทุกพระองค์แสดงไว้ว่า นิพพาน ที่สิ้นไปแห่งตัณหานั้นดีที่สุด. ผู้สงบตัณหาได้นั้น ไม่คิดผูกอาฆาตมาตรร้ายต่อผู้อื่นเลย และผู้เบียดเบียนผู้อื่น ไม่อาจเรียกว่า ผู้สงบได้เลย.
การไม่จ้องจะตำหนิผู้อื่นด้วยวาจา การไม่จ้องจะทำร้ายผู้อื่นด้วยกาย ด้วยการระวังปาติโมกขสังวรศีล รู้ประมาณการกินอาหารให้พอดีไม่น้อยจนป่วยไม่มากจนง่วง ฉะนั้น จึงสามารถใช้สอยเสนาสนะที่สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย ด้วยการเจริญอธิจิต คือ ฌาน (จึงจะเรียกว่า ผู้สงบ).
ทั้งหมดนี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์.
PhotoGraphic Memory
ในบาลีปริโยทาปนํ/ปริโยทาเต (ทำให้ขาวรอบ) เริ่มใช้กับจตุตถฌาน [ฌาน 4] อันเป็นบาทของวิชชา 8 เช่น ใน ที.สี. สุภสูตร / ที.สี.สามัญญผลสูตร ซึ่งตรงกับบริบทของโอวาทปาติโมกข์ คือ อธิจิตฺเต จ อาโยโค แล้วยังเอามารวมเข้ากับองค์ของ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน ได้พอดีด้วย.
ถามว่า ทำทำไม? พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เธอจงเจริญสมาธิ [ฌาน 4] เพราะเมื่อจิตตั้งมั่น[และขาวรอบ] ย่อมรู้เห็นตามเป็นจริง [ตามที่เกิดดับจริงๆ ไม่ใช่มโนจินตนาการมั่วๆ สะเปะสะปะ จับแพะชนแก]
อนึ่ง ถ้าตามหลักวิชชาการสมัยใหม่มาประยุกต์ จะได้ว่า ตอนที่ทำสมาธิจะเกิด PhotoGraphic Memory ซึ่งทำให้กลายเป็นคนฉลาดมากๆๆๆ ครับ แต่อันนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งด้าน Object.
ในทางพุทธจะอธิบายครบกว่า คือสอนแล้วทำตามได้เลย ทั้ง subject/object/where/status/howto step by step คือ จิตล้านๆครั้งเสี้ยววินาที/จิตนั้นกำลังรู้ object กรรมฐาน/ ที่หทยวัตถุเท่านั้น/ จิตนั้นเป็นรูปาวจรภูมิเท่านั้น/โดยการทำอธิศีล อธิจิตให้มั่นคงถึงจตุตถฌานสมาธิ เพื่อแทงตลอดวิชชา 8 ที.สี. สุภสูตร [คำอธิบายมาใน ขุ.ปฏิ. นานัตตญาณ 5].
ส่วนคนสอนเอาตามคุณลุงโฉลกก็ได้ แต่ถ้าจะเอาแบบ Perfectionist แบบครบทุกขั้นตอน พะอ็อกตอยะจะมีอุปกรณ์สมบูรณ์กว่า ครับ.