ความแตกต่าง
นี่เป็นการแสดงความแตกต่างระหว่างเพจสองรุ่น
Next revision | Previous revision | ||
เนตติปกรณ์_02_หาระที่_01-08 [2020/06/27 22:24] 127.0.0.1 แก้ไขภายนอก |
เนตติปกรณ์_02_หาระที่_01-08 [2022/05/08 12:35] (ฉบับปัจจุบัน) dhamma [8. วิภัตติหารวิภังค์] |
||
---|---|---|---|
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
- | {{wst>เนตติใหม่ head| }}{{wst>เนตติใหม่ sidebar}} | + | {{template:เนตติใหม่ head| }}{{template:ฉบับปรับสำนวน head|}} |
{{ลบ|ท5 – นอกเหนือขอบเขต (ไม่ใช่งานต้นฉบับ)}} | {{ลบ|ท5 – นอกเหนือขอบเขต (ไม่ใช่งานต้นฉบับ)}} | ||
==ปฏินิทเทสวาระ== | ==ปฏินิทเทสวาระ== | ||
บรรทัด 307: | บรรทัด 307: | ||
1. ขุ. สุ. 25/1046/532, ขุ. จูฬ. 30/8/38 2. องฺ. ทุก 20/20/58 | 1. ขุ. สุ. 25/1046/532, ขุ. จูฬ. 30/8/38 2. องฺ. ทุก 20/20/58 | ||
- | เพราะฉะนั้นควรสังคายนาสูตรที่สมบูรณ์ด้วยอรรถและสภาวนิรุตติ และควรเลือกเฟ้นสูตร. สูตรนี้คือสูตรอะไร ? ควรเลือกเฟ้นสูตรอย่างนี้ คือ สูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เอง สูตรที่สาวกทั้งหลายกล่าวไว้ สูตรที่มีอรรถอันรู้ได้โดยตรง สูตรที่มีอรรถอันนำคำอื่นมาอธิบายแล้วจึงรู้ได้ สูตรที่เป็นส่วนสังกิเลส, สูตรที่เป็นส่วนวาสนา, สูตรที่เป็นส่วนนิพเพธะ, สูตรที่เป็นส่วนอเสกขะ. พึงตรวจดูสัจจะทั้งหลายของสูตรนี้ในที่ไหน ? พึงตรวจดูในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด. พึงเลือกเฟ้นสูตรอย่างนี้ เพราะฉะนั้น พระมหากัจจายนเถระจึงกล่าวว่า "ยํ ปุจฺฉิตญฺจ วิสฺสชฺชิตญฺจ, สุตฺตสฺส ยา จ อนุคีติ (การพิจารณาคำถามก็ดี การพิจารณาคำตอบก็ดี การพิจารณาการกล่าวโดยสมควรกับคำถามของสูตรก็ดี)" | + | เพราะฉะนั้นพุทธบริษัทจะต้องสาธยายสูตรให้สมบูรณ์ด้วยอรรถะ ด้วยคำที่ตรงกับสภาวะ และควรวิจัยแยกแยะสูตร. สูตรนี้คือสูตรอะไร ? ควรแยกแยะอย่างนี้ คือ สูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เอง, สูตรที่สาวกทั้งหลายกล่าวไว้, สูตรที่มีอรรถอันรู้ได้โดยตรง, สูตรที่มีอรรถอันนำคำอื่นมาอธิบายแล้วจึงรู้ได้, สูตรที่เป็นส่วนสังกิเลส, สูตรที่เป็นส่วนวาสนา, สูตรที่เป็นส่วนนิพเพธะ, สูตรที่เป็นส่วนอเสกขะ. พึงตรวจดูสัจจะทั้งหลายของสูตรนี้ในที่ไหน ? พึงตรวจดูในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด ((ในขณะที่ทำการสวดสาธยายอนุคีตินั่นแหละ จะมีความเชื่อมโยงปุพพาปรสนธิอยู่ ให้หาสนธิเหล่านั้นในระหว่างสาธยาย เช่น เบื้องต้นเชื่อมโยงกับท่ามกลางอย่างไร ท่ามกลางเชื่อมโยงกับพี่สุดอย่างไร โดยอรรถะ โดยคำ เป็นต้น)). พึงแยกแยะวิจัยสูตรดังกล่าวมานั้นแหละ เพราะฉะนั้น พระมหากัจจายนเถระจึงกล่าวว่า “ยํ ปุจฺฉิตญฺจ วิสฺสชฺชิตญฺจ, สุตฺตสฺส ยา จ อนุคีติ (การวิจัยคำถามก็ดี การวิจัยคำตอบก็ดี การวิจัยการกล่าวโดยสมควรกับคำถามของสูตรก็ดี)” |
- | วิจยหาระ ท่านยกจากพระบาลีมาประกอบแล้ว | + | วิจยหาระ ท่านยกจากพระบาลีมาประกอบแล้ว ((วิจยหาระนี้ พบอย่างย่อในพระไตรปิฎกและอรรถกถาหลาบแห่ง เช่น เรื่องของการเรียนกรรมฐานในวิสุทธิมรรคที่ว่า |
+ | วิสุทธิมรรค บทที่ 3 กัมมัฏฐานัคคหณนิทเทส (บทที่ว่าด้วย "วิธีเรียนกัมมัฏฐานจากพระอาจารย์กัมมัฏฐาน") | ||
+ | |||
+ | ก็แหละ เมื่ออาจารย์สอนกัมมัฏฐานให้อยู่ด้วยอาการอย่างนี้ โยคีบุคคลนั้นพึงตั้งใจฟัง เพื่อท่องจำเอานิมิตนั้นให้ได้ คือ เอาอาการ 9 อย่างนั้นแต่ละอย่างๆ มาผูกไว้ในใจอย่างนี้ว่า | ||
+ | |||
+ | "1.คำนี้เป็นบทหลัง, คำนี้เป็นบทหน้า, | ||
+ | |||
+ | 2. ความหมายของบทนั้นๆ เป็นอย่างนี้, | ||
+ | |||
+ | 3.จุดมุ่งหมายของบทนั้นเป็นอย่างนี้, | ||
+ | |||
+ | 4. และบทนี้เป็นคำอุปมาอุปไมย" (จดจำได้ชำนาญนึกหัวถึงท้าย นึกท้ายถึงหัว เหมือนในบทธรรมคุณข้อว่า ความงาม ๓ ของปริยัติธรรม ได้แสดงไว้) )) | ||
==3. ยุตติหารวิภังค์== | ==3. ยุตติหารวิภังค์== | ||
บรรทัด 635: | บรรทัด 646: | ||
ในพระสูตรนั้น ธรรมที่ไม่ทั่วไป (อสาธารณะ) เป็นไฉน | ในพระสูตรนั้น ธรรมที่ไม่ทั่วไป (อสาธารณะ) เป็นไฉน | ||
- | บุคคลพึงแสวงหาเสกขธรรมและอเสกขธรรม ด้วยอำนาจแห่งธรรมที่ควรละและไม่ควรละ โดยการเทียบเคียงกับเทศนาต่อไป กามราคะและพยาบาทเป็นสาธารณะแก่บุคคลผู้ตั้งอยู่ในปฐมมรรค แต่สภาพธรรมเป็นอสาธารณะ2อุทธัมภาคิยสังโยชน์เป็นสาธารณะแก่ผู้ตั้งอยู่ในปฐมมรรค และอนาคามิมรรคสภาพธรรมเป็นอสาธารณะ ชื่อของพระเสกขะทั้งปวงเป็นสาธารณะ สภาพธรรมเป็นอสาธารณะ ชื่อของผู้ดำเนินไปถึงอริยมรรคแล้วเป็นสาธารณะ สภาพธรรมเป็นอสาธารณะ เสกขศีลของพระเสกขะทั้งปวงเป็นสาธารณะ สภาพธรรมเป็นอสาธารณะ บัณฑิตพึงแสวงหาเทศนาโดยเทียบเคียงกับธรรมที่เลวปานกลางและอุกฤษฎ ์ ด้วยการพิจารณาความแตกต่างกัน ด้วยประการฉะนี้ ฯ | + | บุคคลพึงแสวงหาเสกขธรรมและอเสกขธรรม ด้วยอำนาจแห่งธรรมที่ควรละและไม่ควรละ โดยการเทียบเคียงกับเทศนาต่อไป กามราคะและพยาบาทเป็นสาธารณะแก่บุคคลผู้ตั้งอยู่ในปฐมมรรคและโสดาปัตติผล แต่สภาพธรรมคือมรรคกับผลเป็นอสาธารณะ 2. อุทธัมภาคิยสังโยชน์เป็นสาธารณะแก่ผู้ตั้งอยู่ในปฐมมรรคและอนาคามิผล แต่สภาพธรรมคือมรรคกับผลเป็นอสาธารณะกัน ชื่อของพระเสกขะทั้งปวงเป็นสาธารณะ สภาพธรรมเป็นอสาธารณะ ชื่อของผู้ดำเนินไปถึงอริยมรรคแล้วเป็นสาธารณะ สภาพธรรมเป็นอสาธารณะ เสกขศีลของพระเสกขะทั้งปวงเป็นสาธารณะ สภาพธรรมเป็นอสาธารณะ บัณฑิตพึงแสวงหาเทศนาโดยเทียบเคียงกับธรรมที่เลวปานกลางและอุกฤษฎ ์ ด้วยการพิจารณาความแตกต่างกัน ด้วยประการฉะนี้ ฯ |
การจำแนกปทัฏฐานทัสสนภูมิ (ปฐมมรรค) เป็นปทัฏฐาน แห่งการก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม ฯ | การจำแนกปทัฏฐานทัสสนภูมิ (ปฐมมรรค) เป็นปทัฏฐาน แห่งการก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม ฯ |