อรรถกถา_มหาสติปัฏฐานสูตร_ฉบับปรับสำนวน

ความแตกต่าง

นี่เป็นการแสดงความแตกต่างระหว่างเพจสองรุ่น

Link to this comparison view

Next revision
Previous revision
Next revision Both sides next revision
อรรถกถา_มหาสติปัฏฐานสูตร_ฉบับปรับสำนวน [2020/06/27 22:23]
127.0.0.1 แก้ไขภายนอก
อรรถกถา_มหาสติปัฏฐานสูตร_ฉบับปรับสำนวน [2020/09/01 19:40]
dhamma
บรรทัด 20: บรรทัด 20:
 ในข้อนั้น มีเรื่องสาธกดังต่อไปนี้. ในข้อนั้น มีเรื่องสาธกดังต่อไปนี้.
  
-====เรื่องลูกนกแขกเต้า====+'''​เรื่องลูกนกแขกเต้า'''​
  
 เขาเล่าว่า นักฟ้อนรำผู้หนึ่งจับลูกนกแขกเต้าได้ตัวหนึ่ง ฝึกสอนมันพูดภาษาคน (ตัวเองเที่ยวไปแสดงการฟ้อนรำในที่อื่นๆ).นักฟ้อนรำผู้นั้นอาศัยสำนักของนางภิกษุณีอยู่ เวลาไปในที่อื่นๆ ลืมลูกนกแขกเต้าเสียสนิทแล้วไป. เหล่าสามเณรีก็จับมันมาเลี้ยงตั้งชื่อมันว่า พุทธรักขิต. เขาเล่าว่า นักฟ้อนรำผู้หนึ่งจับลูกนกแขกเต้าได้ตัวหนึ่ง ฝึกสอนมันพูดภาษาคน (ตัวเองเที่ยวไปแสดงการฟ้อนรำในที่อื่นๆ).นักฟ้อนรำผู้นั้นอาศัยสำนักของนางภิกษุณีอยู่ เวลาไปในที่อื่นๆ ลืมลูกนกแขกเต้าเสียสนิทแล้วไป. เหล่าสามเณรีก็จับมันมาเลี้ยงตั้งชื่อมันว่า พุทธรักขิต.
บรรทัด 46: บรรทัด 46:
 อยนะ นาวา อุตตรเสตุ กุลละ ภิสิสังกมะ อยนะ นาวา อุตตรเสตุ กุลละ ภิสิสังกมะ
  
-ทางนี้นั้น ในที่นี้ ท่านกล่าวโดยชื่อว่า อยนะ เพราะฉะนั้น ในข้อที่ว่า +ทางนี้นั้น ในที่นี้ ท่านกล่าวโดยชื่อว่า อยนะ เพราะฉะนั้น ในข้อที่ว่า ​"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นทางเดียว" ​นี้ จึงควรเห็นความอย่างนี้ว่า ​"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นทางเอก มิใช่ทางสองแพร่ง" ดังนี้.
- +
-ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นทางเดียวนี้ +
- +
-จึงควรเห็นความอย่างนี้ว่า +
- +
-ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นทางเอก มิใช่ทางสองแพร่ง.+
  
 อีกนัยหนึ่ง ชื่อว่า เอกายนะ เพราะอรรถวิเคราะห์ว่า เป็นทางที่บุคคลพึงไปผู้เดียว. คำว่า ผู้เดียว คือคนที่ละการคลุกคลีด้วยหมู่ ปลีกตัวไปสงบสงัด. ข้อว่า พึงไป คือพึงดำเนินไป. อีกนัยหนึ่ง ชื่อว่า เอกายนะ เพราะอรรถวิเคราะห์ว่า เป็นทางที่บุคคลพึงไปผู้เดียว. คำว่า ผู้เดียว คือคนที่ละการคลุกคลีด้วยหมู่ ปลีกตัวไปสงบสงัด. ข้อว่า พึงไป คือพึงดำเนินไป.
บรรทัด 110: บรรทัด 104:
 เป็นความจริง ในที่นี้ ท่านประสงค์เอาแต่มรรคที่มีสติปัฏฐานเป็นส่วนเบื้องต้น ซึ่งเป็นไปโดยอารมณ์ 4 มีกายเป็นต้น. มิได้ประสงค์เอามรรคที่เป็นโลกุตตระ. ด้วยว่ามรรคที่เป็นส่วนเบื้องต้นนั้นย่อมดำเนินไปแม้มากครั้ง ทั้งการดำเนินไปของมรรคนั้น ก็มิใช่มีครั้งเดียว. เป็นความจริง ในที่นี้ ท่านประสงค์เอาแต่มรรคที่มีสติปัฏฐานเป็นส่วนเบื้องต้น ซึ่งเป็นไปโดยอารมณ์ 4 มีกายเป็นต้น. มิได้ประสงค์เอามรรคที่เป็นโลกุตตระ. ด้วยว่ามรรคที่เป็นส่วนเบื้องต้นนั้นย่อมดำเนินไปแม้มากครั้ง ทั้งการดำเนินไปของมรรคนั้น ก็มิใช่มีครั้งเดียว.
  
-====ธรรมสากัจฉาของพระมหาเถระ====+'''​ธรรมสากัจฉาของพระมหาเถระ'''​
  
 ในข้อนี้ แต่ก่อนพระมหาเถระทั้งหลายก็ได้เคยสนทนากันมาแล้ว. ในข้อนี้ แต่ก่อนพระมหาเถระทั้งหลายก็ได้เคยสนทนากันมาแล้ว.
บรรทัด 180: บรรทัด 174:
 สมจริงดังคำที่กล่าวไว้ว่า สมจริงดังคำที่กล่าวไว้ว่า
  
-รูเปน สงฺกิลิฎฺเฐน ​   สํกิลิสฺสนฺติ มาณวา+<​blockquote> ​    รูเปน สงฺกิลิฎฺเฐน ​   สํกิลิสฺสนฺติ มาณวา
      ​รูเป สุทฺเธ วิสุชฺฌนฺติ ​   อนกฺขาตํ มเหสินา      ​รูเป สุทฺเธ วิสุชฺฌนฺติ ​   อนกฺขาตํ มเหสินา
      ​จิตฺเตน สงฺกิลิฎฺเฐน ​   สํกิลิสฺสนฺติ มาณวา      ​จิตฺเตน สงฺกิลิฎฺเฐน ​   สํกิลิสฺสนฺติ มาณวา
-     ​จิตฺเต สุทฺเธ วิสุชฺฌนฺติ ​   อิติ วุตฺตํ มเหสินา. +     ​จิตฺเต สุทฺเธ วิสุชฺฌนฺติ ​   อิติ วุตฺตํ มเหสินา.</​blockquote>​ 
-               ​พระพุทธเจ้าผู้ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่+<​blockquote> ​              พระพุทธเจ้าผู้ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
       มิได้ตรัสสอนว่า คนทั้งหลาย มีรูปเศร้าหมองแล้ว       มิได้ตรัสสอนว่า คนทั้งหลาย มีรูปเศร้าหมองแล้ว
       จึงเศร้าหมอง มีรูปหมดจดแล้ว จึงหมดจด       จึงเศร้าหมอง มีรูปหมดจดแล้ว จึงหมดจด
       แต่พระผู้ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ทรงสอนว่า       แต่พระผู้ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ทรงสอนว่า
       คนทั้งหลาย มีจิตเศร้าหมองแล้ว จึงเศร้าหมอง       คนทั้งหลาย มีจิตเศร้าหมองแล้ว จึงเศร้าหมอง
-      มีจิตหมดจดแล้ว จึงหมดจด ดังนี้. ​              ​+      มีจิตหมดจดแล้ว จึงหมดจด ดังนี้. ​       </​blockquote> ​      
  
 เหมือนอย่างที่ตรัสไว้ (ในสังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค) ว่า เหมือนอย่างที่ตรัสไว้ (ในสังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค) ว่า
บรรทัด 205: บรรทัด 199:
 แท้จริง สันตติมหาอำมาตย์ฟังคาถาที่ว่า แท้จริง สันตติมหาอำมาตย์ฟังคาถาที่ว่า
  
-ยํ ปุพฺเพ ตํ วิโสเธหิ ​   ปจฺฉา เต มาหุ กิญฺจนํ+     ยํ ปุพฺเพ ตํ วิโสเธหิ ​   ปจฺฉา เต มาหุ กิญฺจนํ
      ​มชฺเฌ เจ โน คเหสฺสสิ ​   อุปสนฺโต จริสฺสสิ      ​มชฺเฌ เจ โน คเหสฺสสิ ​   อุปสนฺโต จริสฺสสิ
                ​ท่านจงทำความโศกในกาลก่อนให้เหือดแห้ง                ​ท่านจงทำความโศกในกาลก่อนให้เหือดแห้ง
       ท่านอย่ามีความกังวลใจ ในกาลภายหลัง ถ้าท่านจัก       ท่านอย่ามีความกังวลใจ ในกาลภายหลัง ถ้าท่านจัก
-     ​ไม่ยึดถือในท่ามกลางก็จักเป็นผู้สงบเที่ยวไป ดังนี้. ​              ​แล้วก็บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา.+     ​ไม่ยึดถือในท่ามกลางก็จักเป็นผู้สงบเที่ยวไป ดังนี้. ​               
 +      
 +แล้วก็บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา.
  
 นางปฏาจาราฟังพระคาถานี้ว่า นางปฏาจาราฟังพระคาถานี้ว่า
  
-น สนฺติ ปุตฺตา ตาณาย ​   น ปิตา นปิ พนฺธวา+     น สนฺติ ปุตฺตา ตาณาย ​   น ปิตา นปิ พนฺธวา
      ​อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส ​   นตฺถิ ญาตีสุ ตาณตา      ​อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส ​   นตฺถิ ญาตีสุ ตาณตา
                ​มีบุตรไว้เพื่อช่วยก็ไม่ได้ บิดาก็ไม่ได้                ​มีบุตรไว้เพื่อช่วยก็ไม่ได้ บิดาก็ไม่ได้
บรรทัด 227: บรรทัด 223:
 ในเรื่องทั้งสองนั้นแสดงความดังต่อไปนี้. ในเรื่องทั้งสองนั้นแสดงความดังต่อไปนี้.
  
-====เรื่องทุกข์ของพระติสสเถระ====+'''​เรื่องทุกข์ของพระติสสเถระ'''​
  
 เล่ากันว่า ในกรุงสาวัตถี บุตรของกุฏุมภีชื่อติสสะ ละทรัพย์ 40 โกฏิ ออกบวชโดดเดี่ยวอยู่ในป่าที่ไม่มีบ้าน.ภริยาของน้องชายท่าน ส่งโจร 500 ให้ไปฆ่าท่านเสีย. พวกโจรไปล้อมท่านไว้. ท่านจึงถามว่า ท่านอุบาสกมาทำไมกัน. พวกโจรตอบว่า มาฆ่าท่านนะซิ. เล่ากันว่า ในกรุงสาวัตถี บุตรของกุฏุมภีชื่อติสสะ ละทรัพย์ 40 โกฏิ ออกบวชโดดเดี่ยวอยู่ในป่าที่ไม่มีบ้าน.ภริยาของน้องชายท่าน ส่งโจร 500 ให้ไปฆ่าท่านเสีย. พวกโจรไปล้อมท่านไว้. ท่านจึงถามว่า ท่านอุบาสกมาทำไมกัน. พวกโจรตอบว่า มาฆ่าท่านนะซิ.
บรรทัด 250: บรรทัด 246:
      ​ถึง เราก็บรรลุพระอรหัต ดังนี้.      ​ถึง เราก็บรรลุพระอรหัต ดังนี้.
  
-====เรื่องทุกข์ของภิกษุ 30 รูป====+'''​เรื่องทุกข์ของภิกษุ 30 รูป'''​
  
 ภิกษุ 30 รูปอีกกลุ่มหนึ่ง เรียนกัมมัฏฐานในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วจำพรรษาในวัดป่า ทำกติกากันว่า ผู้มีอายุ เราควรทำสมณธรรม ตลอดคืนในยามทั้งสาม เราไม่ควรมายังสำนักของกันและกัน แล้วต่างคนต่างอยู่. ภิกษุ 30 รูปอีกกลุ่มหนึ่ง เรียนกัมมัฏฐานในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วจำพรรษาในวัดป่า ทำกติกากันว่า ผู้มีอายุ เราควรทำสมณธรรม ตลอดคืนในยามทั้งสาม เราไม่ควรมายังสำนักของกันและกัน แล้วต่างคนต่างอยู่.
บรรทัด 278: บรรทัด 274:
      ​และเอ็นก็ตามที เราจักทำกิเลสให้สิ้นไป จักสัมผัสวิมุตติ ดังนี้.      ​และเอ็นก็ตามที เราจักทำกิเลสให้สิ้นไป จักสัมผัสวิมุตติ ดังนี้.
  
-====เรื่องทุกข์ของพระปีติมัลลเถระ====+'''​เรื่องทุกข์ของพระปีติมัลลเถระ'''​
  
 ภิกษุอีกรูปหนึ่ง ชื่อปีติมัลลเถระ ครั้งเป็นคฤหัสถ์ ท่านถือธงมาเกาะลังกา ถึง 3 รัชกาล เข้าเฝ้าพระราชาแล้ว ได้รับพระราชานุเคราะห์ ภิกษุอีกรูปหนึ่ง ชื่อปีติมัลลเถระ ครั้งเป็นคฤหัสถ์ ท่านถือธงมาเกาะลังกา ถึง 3 รัชกาล เข้าเฝ้าพระราชาแล้ว ได้รับพระราชานุเคราะห์
บรรทัด 304: บรรทัด 300:
 มรรคนี้ย่อมเป็นไปเพื่อดับทุกข์เหมือนอย่างทุกข์ของพระติสสเถระเป็นต้นเพียงเท่านี้ก่อน. มรรคนี้ย่อมเป็นไปเพื่อดับทุกข์เหมือนอย่างทุกข์ของพระติสสเถระเป็นต้นเพียงเท่านี้ก่อน.
  
-====เรื่องโทมนัสของท้าวสักกะ====+'''​เรื่องโทมนัสของท้าวสักกะ'''​
  
 ก็ท้าวสักกะจอมเทพทรงเห็นบุพพนิมิต 5 ประการของพระองค์ถูกมรณภัยคุกคาม เกิดโทมนัส เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ทูลถามปัญหา. ก็ท้าวสักกะจอมเทพทรงเห็นบุพพนิมิต 5 ประการของพระองค์ถูกมรณภัยคุกคาม เกิดโทมนัส เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ทูลถามปัญหา.
บรรทัด 310: บรรทัด 306:
 ท้าวเธอก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผลพร้อมด้วยเทวดาแปดหมื่นองค์ ด้วยอำนาจการวิสัชนาอุเบกขาปัญหา. เรื่องการอุบัติของท้าวเธอจึงกลับเป็นปกติอีก. ท้าวเธอก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผลพร้อมด้วยเทวดาแปดหมื่นองค์ ด้วยอำนาจการวิสัชนาอุเบกขาปัญหา. เรื่องการอุบัติของท้าวเธอจึงกลับเป็นปกติอีก.
  
-====เรื่องโทมนัสของสุพรหมเทพบุตร====+'''​เรื่องโทมนัสของสุพรหมเทพบุตร'''​
  
 แม้สุพรหมเทพบุตรอันนางเทพอัปสรพันหนึ่งห้อมล้อม ก็เสวยสวรรคสมบัติ. ในจำพวกนางเทพอัปสรพันหนึ่งนั้น นางเทพอัปสรห้าร้อยมัวเก็บดอกไม้จากต้น ก็จุติไปเกิดในนรกสุพรหมเทพบุตรรำพึงว่าทำไม เทพอัปสรเหล่านี้จึงชักช้าอยู่ก็รู้ว่าพวกนางไปเกิดในนรก จึงหันมาพิจารณาดูตัวเองว่าอายุเท่าไรแล้วหนอ ก็รู้ว่าตนจะสิ้นอายุจะไปเกิดในนรกนั้นด้วย ก็หวาดกลัว เกิดโทมนัสอย่างยิ่ง เห็นว่า พระบรมศาสดาเท่านั้นจะยังความโทมนัสของเรานี้ให้พินาศไป ไม่มีผู้อื่น แล้วก็พานางเทพอัปสรห้าร้อยที่เหลือเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แม้สุพรหมเทพบุตรอันนางเทพอัปสรพันหนึ่งห้อมล้อม ก็เสวยสวรรคสมบัติ. ในจำพวกนางเทพอัปสรพันหนึ่งนั้น นางเทพอัปสรห้าร้อยมัวเก็บดอกไม้จากต้น ก็จุติไปเกิดในนรกสุพรหมเทพบุตรรำพึงว่าทำไม เทพอัปสรเหล่านี้จึงชักช้าอยู่ก็รู้ว่าพวกนางไปเกิดในนรก จึงหันมาพิจารณาดูตัวเองว่าอายุเท่าไรแล้วหนอ ก็รู้ว่าตนจะสิ้นอายุจะไปเกิดในนรกนั้นด้วย ก็หวาดกลัว เกิดโทมนัสอย่างยิ่ง เห็นว่า พระบรมศาสดาเท่านั้นจะยังความโทมนัสของเรานี้ให้พินาศไป ไม่มีผู้อื่น แล้วก็พานางเทพอัปสรห้าร้อยที่เหลือเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
บรรทัด 406: บรรทัด 402:
 อนึ่ง ข้ออุปมาว่าด้วยพ่อค้าผ้ากัมพลสีเหลืองอันมีค่าแสน นำมาเปรียบฉันใด ในข้อนี้ก็ควรนำข้ออุปมาว่าด้วยพ่อค้าทองชมพูนุทสีสุก แก้วมณีกรองน้ำให้ใส แก้วมุกดาที่บริสุทธิ์ ผ้าขนสัตว์ และแก้วประพาฬเป็นต้น เอามาเปรียบฉันนั้น. อนึ่ง ข้ออุปมาว่าด้วยพ่อค้าผ้ากัมพลสีเหลืองอันมีค่าแสน นำมาเปรียบฉันใด ในข้อนี้ก็ควรนำข้ออุปมาว่าด้วยพ่อค้าทองชมพูนุทสีสุก แก้วมณีกรองน้ำให้ใส แก้วมุกดาที่บริสุทธิ์ ผ้าขนสัตว์ และแก้วประพาฬเป็นต้น เอามาเปรียบฉันนั้น.
  
-====สติปัฏฐาน 4====+=สติปัฏฐาน 4=
  
 คำว่า ยทิทํ เป็นศัพท์นิบาต. ศัพท์นิบาตนั้นมีความดังนี้ว่า เหล่านี้ใด (เย อิเม). คำว่า ยทิทํ เป็นศัพท์นิบาต. ศัพท์นิบาตนั้นมีความดังนี้ว่า เหล่านี้ใด (เย อิเม).
บรรทัด 496: บรรทัด 492:
 บัณฑิตพึงทราบว่า ที่ท่านกล่าวว่า สติปัฏฐานมีอันเดียวเท่านั้น ก็ด้วยอำนาจความระลึกได้ อย่างหนึ่ง ด้วยอานุภาพประชุมลงสู่ความเป็นอันเดียวกันหนึ่ง ที่กล่าวว่ามี 4 ก็โดยจัดตามอารมณ์ ดังกล่าวมาฉะนี้. บัณฑิตพึงทราบว่า ที่ท่านกล่าวว่า สติปัฏฐานมีอันเดียวเท่านั้น ก็ด้วยอำนาจความระลึกได้ อย่างหนึ่ง ด้วยอานุภาพประชุมลงสู่ความเป็นอันเดียวกันหนึ่ง ที่กล่าวว่ามี 4 ก็โดยจัดตามอารมณ์ ดังกล่าวมาฉะนี้.
  
-=====อรรถกถาบทบริกรรมกายานุปัสสนา=====+=อรรถกถาบทบริกรรมกายานุปัสสนา=
  
 คำว่า มี 4 เป็นอย่างไร เป็นคำถามด้วยหมายจะตอบ (ถามเองตอบเอง). คำว่า มี 4 เป็นอย่างไร เป็นคำถามด้วยหมายจะตอบ (ถามเองตอบเอง).
บรรทัด 636: บรรทัด 632:
 ตรัสผลแห่งภาวนาด้วยการกำจัดซึ่งอภิชฌาและโทมนัสฉะนี้. ตรัสผลแห่งภาวนาด้วยการกำจัดซึ่งอภิชฌาและโทมนัสฉะนี้.
  
-=====คำอธิบายจากอภิ.วิภังค์=====+==คำอธิบายจากอภิ.วิภังค์==
  
 ส่วนในอภิธรรมปิฎก วิภังคปกรณ์ กล่าวความของบทเหล่านั้นไว้อย่างนี้ว่า ส่วนในอภิธรรมปิฎก วิภังคปกรณ์ กล่าวความของบทเหล่านั้นไว้อย่างนี้ว่า
บรรทัด 662: บรรทัด 658:
 พรรณนาความแห่งอุทเทสที่ว่าด้วยกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน มีเพียงเท่านี้ก่อน. พรรณนาความแห่งอุทเทสที่ว่าด้วยกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน มีเพียงเท่านี้ก่อน.
  
-=====อรรถกถาบทบริกรรมเวทนาจิตตธัมมานุปัสสนา=====+==อรรถกถาบทบริกรรมเวทนาจิตตธัมมานุปัสสนา==
  
  
บรรทัด 710: บรรทัด 706:
 =อ.คำอธิบายคำบริกรรมกรรมฐาน= =อ.คำอธิบายคำบริกรรมกรรมฐาน=
  
-==อ.กายานุปัสสนาสติปัฏฐานนิทเทส'''​=+==อ.กายานุปัสสนาสติปัฏฐานนิทเทส==
  
 ===อ.อานาปานบรรพ=== ===อ.อานาปานบรรพ===
บรรทัด 1053: บรรทัด 1049:
  
  
-==อ.เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานนิทเทส'''​=+==อ.เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานนิทเทส==
  
 พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นตรัสกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน 14 วิธีอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นตรัสกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน 14 วิธีอย่างนี้แล้ว
บรรทัด 1131: บรรทัด 1127:
  
  
-==อ.จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานนิทเทส'''​=+==อ.จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานนิทเทส==
  
 พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นตรัสเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน 9 วิธี อย่างนี้แล้วบัดนี้ เพื่อจะตรัสจิตตานุปัสสนา 16 วิธี จึงตรัสว่า กถญฺจ ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จิตตานุปัสสนาเป็นอย่างไรเล่า เป็นต้น. พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นตรัสเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน 9 วิธี อย่างนี้แล้วบัดนี้ เพื่อจะตรัสจิตตานุปัสสนา 16 วิธี จึงตรัสว่า กถญฺจ ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จิตตานุปัสสนาเป็นอย่างไรเล่า เป็นต้น.
บรรทัด 1189: บรรทัด 1185:
  
  
-==อ.ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานนิทเทส'''​=+==อ.ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานนิทเทส==
  
 พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นตรัสจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน 16 วิธี อย่างนี้แล้ว บัดนี้ เพื่อจะตรัสธัมมานุปัสสนา 5 วิธี จึงตรัสว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นตรัสจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน 16 วิธี อย่างนี้แล้ว บัดนี้ เพื่อจะตรัสธัมมานุปัสสนา 5 วิธี จึงตรัสว่า