การแก้ไขก่อนหน้าทั้งสองฝั่ง การแก้ไขก่อนหน้า การแก้ไขถัดไป | การแก้ไขก่อนหน้า |
วิสุทธิมรรค_06_อสุภกัมมัฏฐานนิทเทส [2020/09/02 22:19] – [วิธีเจริญอุทธุมาตกอสุภกัมมัฏฐาน] dhamma | วิสุทธิมรรค_06_อสุภกัมมัฏฐานนิทเทส [2021/01/02 13:14] (ฉบับปัจจุบัน) – แก้ไขภายนอก 127.0.0.1 |
---|
{{wst>วสธมฉปส head| }} | {{template:วสธมฉปส head| }} |
{{wst>วสธมฉปส sidebar}} | {{template:ฉบับปรับสำนวน head|}} |
=อสุภ 10= | =อสุภ 10= |
<sub><fs smaller>''(หน้าที่ 302)''</fs></sub> | <sub><fs smaller>''(หน้าที่ 302)''</fs></sub> |
ถ้าปฏิภาคนิมิตยังไม่ปรากฏแม้ด้วยการกำหนดอย่างนี้ ตรงที่สุดแห่งท้องย่อมเป็นสิ่งที่ขึ้นพองมากกว่า โยคีบุคคลพึงตั้งจิตไว้ ณ ที่ตรงที่สุดแห่งท้องนั้น โดยบริกรรมว่า อุทธุมาตกํ อุทธุมาตกํ หรือว่า อสุภที่ขึ้นพอง อสุภที่ขึ้นพอง ฉะนี้ | ถ้าปฏิภาคนิมิตยังไม่ปรากฏแม้ด้วยการกำหนดอย่างนี้ ตรงที่สุดแห่งท้องย่อมเป็นสิ่งที่ขึ้นพองมากกว่า โยคีบุคคลพึงตั้งจิตไว้ ณ ที่ตรงที่สุดแห่งท้องนั้น โดยบริกรรมว่า อุทธุมาตกํ อุทธุมาตกํ หรือว่า อสุภที่ขึ้นพอง อสุภที่ขึ้นพอง ฉะนี้ |
| |
'''ได้อุคคหนิมิต''' | ===อุคคหนิมิต=== |
| |
บัดนี้ จะวินิจฉัยในคำทั้งหลายมีคำว่า โยคีบุคคลนั้นย่อมกระทำซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นอันถือเอาด้วยดีแล้ว เป็นต้น ดังต่อไปนี้ – | บัดนี้ จะวินิจฉัยในคำทั้งหลายมีคำว่า โยคีบุคคลนั้นย่อมกระทำซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นอันถือเอาด้วยดีแล้ว เป็นต้น ดังต่อไปนี้ – |
เมื่อภิกษุนั้นพิจารณาอยู่อย่างนี้ นิมิตนั้นก็จะปรากฏ คือย่อมปรากฏเหมือนวางไว้ข้างหน้า พระกัมมัฏฐานย่อมดำเนินไปสู่วิถีโดยอาการเดิมนั่นเทียว ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า การพิจารณาทางไปและทางมา มียังอันวิถีให้ดำเนินไปโดยชอบเป็นประโยชน์ฉะนี้ | เมื่อภิกษุนั้นพิจารณาอยู่อย่างนี้ นิมิตนั้นก็จะปรากฏ คือย่อมปรากฏเหมือนวางไว้ข้างหน้า พระกัมมัฏฐานย่อมดำเนินไปสู่วิถีโดยอาการเดิมนั่นเทียว ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า การพิจารณาทางไปและทางมา มียังอันวิถีให้ดำเนินไปโดยชอบเป็นประโยชน์ฉะนี้ |
| |
'''ผูกจิตไว้ในอสุภนิมิต''' | ===คิดทบทวนคุณค่าอสุภนิมิตบ่อยๆ=== |
| |
บัดนี้ จะอธิบายในคำของอรรถกถาจารย์ข้อว่า โยคีบุคคลเป็นผู้มีปกติมองเห็นอานิสงส์ เป็นผู้มีความสำคัญเห็นเป็นรัตนะ เข้าไปตั้งความเคารพไว้ ประพฤติให้เป็นที่รักอย่างสนิทอยู่ ย่อมผูกพันจิตไว้ในอารมณ์นั้น ดังนี้ต่อไป – | บัดนี้ จะอธิบายในคำของอรรถกถาจารย์ข้อว่า โยคีบุคคลเป็นผู้มีปกติมองเห็นอานิสงส์ เป็นผู้มีความสำคัญเห็นเป็นรัตนะ เข้าไปตั้งความเคารพไว้ ประพฤติให้เป็นที่รักอย่างสนิทอยู่ ย่อมผูกพันจิตไว้ในอารมณ์นั้น ดังนี้ต่อไป – |
กลางคืนทั้ง ณ ที่พักกลางวันโดยบริกรรมว่า อสุภขึ้นพองน่าเกลียด อสุภขึ้นพองน่าเกลียด พึงนึกพึงมนสิการถึงนิมิตนั้นบ่อย ๆ พึงทำให้เป็นนิมิตอันความตรึกตะล่อมไว้แล้วอันวิตกตะล่อมไว้แล้ว เมื่อโยคีบุคคลนั้นกระทำอยู่โดยประการดังกล่าวมา ปฏิภาคนิมิตย่อมบังเกิดขึ้น | กลางคืนทั้ง ณ ที่พักกลางวันโดยบริกรรมว่า อสุภขึ้นพองน่าเกลียด อสุภขึ้นพองน่าเกลียด พึงนึกพึงมนสิการถึงนิมิตนั้นบ่อย ๆ พึงทำให้เป็นนิมิตอันความตรึกตะล่อมไว้แล้วอันวิตกตะล่อมไว้แล้ว เมื่อโยคีบุคคลนั้นกระทำอยู่โดยประการดังกล่าวมา ปฏิภาคนิมิตย่อมบังเกิดขึ้น |
| |
'''ความต่างกันแห่งนิมิตทั้ง 2''' | ===นิมิต 2=== |
| |
ในอุทธุมาตกอสุภนั้นความต่างกันแห่งนิมิตทั้ง 2 ดังนี้ อุคคหนิมิต ย่อมปรากฏเป็นสิ่งผิดรูปผิดร่าง น่าหวาดเสียว ดูน่าสะพรึงกลัว ส่วน ปฏิภาคนิมิต ย่อมปรากฏเหมือนคนมีองค์อวัยวะอ้วนพีที่กินอิ่มแล้วนอน | ในอุทธุมาตกอสุภนั้นความต่างกันแห่งนิมิตทั้ง 2 ดังนี้ อุคคหนิมิต ย่อมปรากฏเป็นสิ่งผิดรูปผิดร่าง น่าหวาดเสียว ดูน่าสะพรึงกลัว ส่วน ปฏิภาคนิมิต ย่อมปรากฏเหมือนคนมีองค์อวัยวะอ้วนพีที่กินอิ่มแล้วนอน |
ในเวลาพร้อมกับได้ปฏิภาคนิมิตนั่นแล โยคีบุคคลนั้นย่อมละ กามฉันทนิวรณ์ ได้ ด้วยอำนาจวิกขัมภนประหาน เพราะไม่มนสิการถึงกามทั้งหลายอันเป็นภายนอก และแม้ พยาปาทนิวรณ์ อันโยคีบุคคลนั้นก็ละได้ เพราะประหานความยินดีเสียได้นั่นเอง เหมือนละหนองเสียได้ก็เพราะละโลหิตฉะนั้น ถีนมิทธนิวรณ์ เป็นอันโยคีบุคคลนั้นละได้เหมือนกัน เพราะเป็นผู้มีความเพียรปรารภแล้ว อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ ก็เป็นอันละได้ เพราะอำนาจประกอบด้วยธรรมอันสงบที่ไม่ทำความร้อนใจให้ วิจิกิจฉา ในศาสดาผู้แสดงข้อปฏิบัติก็ดี ในข้อปฏิบัติก็ดี ในผลแห่งการปฏิบัติก็ดี ก็เป็นอันละได้ เพราะคุณอันวิเศษที่บรรลุแล้ว เป็นสภาพประจักษ์แจ้ง เป็นอันโยคีบุคคลนั้นละนิวรณ์ได้ครบทั้ง 5 ด้วยประการฉะนี้ | ในเวลาพร้อมกับได้ปฏิภาคนิมิตนั่นแล โยคีบุคคลนั้นย่อมละ กามฉันทนิวรณ์ ได้ ด้วยอำนาจวิกขัมภนประหาน เพราะไม่มนสิการถึงกามทั้งหลายอันเป็นภายนอก และแม้ พยาปาทนิวรณ์ อันโยคีบุคคลนั้นก็ละได้ เพราะประหานความยินดีเสียได้นั่นเอง เหมือนละหนองเสียได้ก็เพราะละโลหิตฉะนั้น ถีนมิทธนิวรณ์ เป็นอันโยคีบุคคลนั้นละได้เหมือนกัน เพราะเป็นผู้มีความเพียรปรารภแล้ว อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ ก็เป็นอันละได้ เพราะอำนาจประกอบด้วยธรรมอันสงบที่ไม่ทำความร้อนใจให้ วิจิกิจฉา ในศาสดาผู้แสดงข้อปฏิบัติก็ดี ในข้อปฏิบัติก็ดี ในผลแห่งการปฏิบัติก็ดี ก็เป็นอันละได้ เพราะคุณอันวิเศษที่บรรลุแล้ว เป็นสภาพประจักษ์แจ้ง เป็นอันโยคีบุคคลนั้นละนิวรณ์ได้ครบทั้ง 5 ด้วยประการฉะนี้ |
| |
'''องค์ฌาน 5 ปรากฏ''' | ===องค์ฌาน 5=== |
| |
อนึ่ง วิตก ทำหน้าที่ยกจิตขึ้นไว้ในนิมิตนั้นนั่นแล วิจาร ทำกิจคือพิจารณานิมิตให้สำเร็จอยู่ เพราะมีอันได้การบรรลุคุณวิเศษเป็นปัจจัย ปีติ ย่อมปรากฏ เพราะปัสสัทธิสำเร็จแก่ผู้ที่มีใจประกอบด้วยปีติ ปัสสัทธิ ย่อมปรากฏ สุข ซึ่งมีปัสสัทธินั้นเป็นเหตุย่อมปรากฏ และเพราะจิตตสมาธิ สำเร็จแก่ผู้ที่มีความสุข เอกัคคตา ซึ่งมีความสุขเป็นเหตุย่อมปรากฏ เป็นอัน องค์ฌานทั้งหลาย ปรากฏเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้ แม้อุปจารฌานอันเป็นเครื่องรองรับปฐมฌานก็บังเกิดแก่โยคีบุคคลนั้นในขณะพร้อมกันนั้นนั่นเทียว | อนึ่ง วิตก ทำหน้าที่ยกจิตขึ้นไว้ในนิมิตนั้นนั่นแล วิจาร ทำกิจคือพิจารณานิมิตให้สำเร็จอยู่ เพราะมีอันได้การบรรลุคุณวิเศษเป็นปัจจัย ปีติ ย่อมปรากฏ เพราะปัสสัทธิสำเร็จแก่ผู้ที่มีใจประกอบด้วยปีติ ปัสสัทธิ ย่อมปรากฏ สุข ซึ่งมีปัสสัทธินั้นเป็นเหตุย่อมปรากฏ และเพราะจิตตสมาธิ สำเร็จแก่ผู้ที่มีความสุข เอกัคคตา ซึ่งมีความสุขเป็นเหตุย่อมปรากฏ เป็นอัน องค์ฌานทั้งหลาย ปรากฏเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้ แม้อุปจารฌานอันเป็นเครื่องรองรับปฐมฌานก็บังเกิดแก่โยคีบุคคลนั้นในขณะพร้อมกันนั้นนั่นเทียว |