วิสุทธิมรรค_06_อสุภกัมมัฏฐานนิทเทส

ความแตกต่าง

นี่เป็นการแสดงความแตกต่างระหว่างเพจสองรุ่น

Link to this comparison view

Both sides previous revision Previous revision
วิสุทธิมรรค_06_อสุภกัมมัฏฐานนิทเทส [2020/09/03 05:19]
dhamma [วิธีเจริญอุทธุมาตกอสุภกัมมัฏฐาน]
วิสุทธิมรรค_06_อสุภกัมมัฏฐานนิทเทส [2020/09/03 05:34]
dhamma
บรรทัด 181: บรรทัด 181:
 ถ้าปฏิภาคนิมิตยังไม่ปรากฏแม้ด้วยการกำหนดอย่างนี้ ​ ตรงที่สุดแห่งท้องย่อมเป็นสิ่งที่ขึ้นพองมากกว่า ​ โยคีบุคคลพึงตั้งจิตไว้ ​ ณ  ที่ตรงที่สุดแห่งท้องนั้น ​ โดยบริกรรมว่า ​ อุทธุมาตกํ ​ อุทธุมาตกํ ​ หรือว่า ​ อสุภที่ขึ้นพอง ​ อสุภที่ขึ้นพอง ​ ฉะนี้ ถ้าปฏิภาคนิมิตยังไม่ปรากฏแม้ด้วยการกำหนดอย่างนี้ ​ ตรงที่สุดแห่งท้องย่อมเป็นสิ่งที่ขึ้นพองมากกว่า ​ โยคีบุคคลพึงตั้งจิตไว้ ​ ณ  ที่ตรงที่สุดแห่งท้องนั้น ​ โดยบริกรรมว่า ​ อุทธุมาตกํ ​ อุทธุมาตกํ ​ หรือว่า ​ อสุภที่ขึ้นพอง ​ อสุภที่ขึ้นพอง ​ ฉะนี้
  
-'''​ได้อุคคหนิมิต'''​+===อุคคหนิมิต===
  
 บัดนี้ ​ จะวินิจฉัยในคำทั้งหลายมีคำว่า ​ โยคีบุคคลนั้นย่อมกระทำซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นอันถือเอาด้วยดีแล้ว ​ เป็นต้น ​ ดังต่อไปนี้ – บัดนี้ ​ จะวินิจฉัยในคำทั้งหลายมีคำว่า ​ โยคีบุคคลนั้นย่อมกระทำซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นอันถือเอาด้วยดีแล้ว ​ เป็นต้น ​ ดังต่อไปนี้ –
บรรทัด 225: บรรทัด 225:
 เมื่อภิกษุนั้นพิจารณาอยู่อย่างนี้ ​ นิมิตนั้นก็จะปรากฏ ​ คือย่อมปรากฏเหมือนวางไว้ข้างหน้า ​ พระกัมมัฏฐานย่อมดำเนินไปสู่วิถีโดยอาการเดิมนั่นเทียว ​ ด้วยเหตุนั้น ​ ท่านจึงกล่าวว่า ​ การพิจารณาทางไปและทางมา ​ มียังอันวิถีให้ดำเนินไปโดยชอบเป็นประโยชน์ฉะนี้ เมื่อภิกษุนั้นพิจารณาอยู่อย่างนี้ ​ นิมิตนั้นก็จะปรากฏ ​ คือย่อมปรากฏเหมือนวางไว้ข้างหน้า ​ พระกัมมัฏฐานย่อมดำเนินไปสู่วิถีโดยอาการเดิมนั่นเทียว ​ ด้วยเหตุนั้น ​ ท่านจึงกล่าวว่า ​ การพิจารณาทางไปและทางมา ​ มียังอันวิถีให้ดำเนินไปโดยชอบเป็นประโยชน์ฉะนี้
  
-'''​ผูกจตไ้ในอสุภนิมิต'''​+===คดทบทวนคุณค่าอสุภนิมิตบ่อยๆ===
  
 บัดนี้ ​ จะอธิบายในคำของอรรถกถาจารย์ข้อว่า ​ โยคีบุคคลเป็นผู้มีปกติมองเห็นอานิสงส์ ​ เป็นผู้มีความสำคัญเห็นเป็นรัตนะ ​ เข้าไปตั้งความเคารพไว้ ​ ประพฤติให้เป็นที่รักอย่างสนิทอยู่ ​ ย่อมผูกพันจิตไว้ในอารมณ์นั้น ​ ดังนี้ต่อไป – บัดนี้ ​ จะอธิบายในคำของอรรถกถาจารย์ข้อว่า ​ โยคีบุคคลเป็นผู้มีปกติมองเห็นอานิสงส์ ​ เป็นผู้มีความสำคัญเห็นเป็นรัตนะ ​ เข้าไปตั้งความเคารพไว้ ​ ประพฤติให้เป็นที่รักอย่างสนิทอยู่ ​ ย่อมผูกพันจิตไว้ในอารมณ์นั้น ​ ดังนี้ต่อไป –
บรรทัด 237: บรรทัด 237:
 กลางคืนทั้ง ​ ณ  ที่พักกลางวันโดยบริกรรมว่า ​ อสุภขึ้นพองน่าเกลียด ​ อสุภขึ้นพองน่าเกลียด ​ พึงนึกพึงมนสิการถึงนิมิตนั้นบ่อย ๆ  พึงทำให้เป็นนิมิตอันความตรึกตะล่อมไว้แล้วอันวิตกตะล่อมไว้แล้ว ​ เมื่อโยคีบุคคลนั้นกระทำอยู่โดยประการดังกล่าวมา ​ ปฏิภาคนิมิตย่อมบังเกิดขึ้น กลางคืนทั้ง ​ ณ  ที่พักกลางวันโดยบริกรรมว่า ​ อสุภขึ้นพองน่าเกลียด ​ อสุภขึ้นพองน่าเกลียด ​ พึงนึกพึงมนสิการถึงนิมิตนั้นบ่อย ๆ  พึงทำให้เป็นนิมิตอันความตรึกตะล่อมไว้แล้วอันวิตกตะล่อมไว้แล้ว ​ เมื่อโยคีบุคคลนั้นกระทำอยู่โดยประการดังกล่าวมา ​ ปฏิภาคนิมิตย่อมบังเกิดขึ้น
  
-'''​ความต่างกันแห่งนิมิตทั้ง ​2'''​+===นิมิต 2===
  
 ในอุทธุมาตกอสุภนั้นความต่างกันแห่งนิมิตทั้ง 2  ดังนี้ ​ อุคคหนิมิต ​ ย่อมปรากฏเป็นสิ่งผิดรูปผิดร่าง ​ น่าหวาดเสียว ​ ดูน่าสะพรึงกลัว ​ ส่วน ​ ปฏิภาคนิมิต ​ ย่อมปรากฏเหมือนคนมีองค์อวัยวะอ้วนพีที่กินอิ่มแล้วนอน ในอุทธุมาตกอสุภนั้นความต่างกันแห่งนิมิตทั้ง 2  ดังนี้ ​ อุคคหนิมิต ​ ย่อมปรากฏเป็นสิ่งผิดรูปผิดร่าง ​ น่าหวาดเสียว ​ ดูน่าสะพรึงกลัว ​ ส่วน ​ ปฏิภาคนิมิต ​ ย่อมปรากฏเหมือนคนมีองค์อวัยวะอ้วนพีที่กินอิ่มแล้วนอน
บรรทัด 245: บรรทัด 245:
 ในเวลาพร้อมกับได้ปฏิภาคนิมิตนั่นแล ​ โยคีบุคคลนั้นย่อมละ ​ กามฉันทนิวรณ์ ​ ได้ ด้วยอำนาจวิกขัมภนประหาน ​ เพราะไม่มนสิการถึงกามทั้งหลายอันเป็นภายนอก ​ และแม้ พยาปาทนิวรณ์ ​ อันโยคีบุคคลนั้นก็ละได้ ​ เพราะประหานความยินดีเสียได้นั่นเอง ​ เหมือนละหนองเสียได้ก็เพราะละโลหิตฉะนั้น ​ ถีนมิทธนิวรณ์ ​ เป็นอันโยคีบุคคลนั้นละได้เหมือนกัน ​ เพราะเป็นผู้มีความเพียรปรารภแล้ว ​ อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ ​ ก็เป็นอันละได้ ​ เพราะอำนาจประกอบด้วยธรรมอันสงบที่ไม่ทำความร้อนใจให้ ​ วิจิกิจฉา ​ ในศาสดาผู้แสดงข้อปฏิบัติก็ดี ​ ในข้อปฏิบัติก็ดี ​ ในผลแห่งการปฏิบัติก็ดี ​ ก็เป็นอันละได้ ​ เพราะคุณอันวิเศษที่บรรลุแล้ว ​ เป็นสภาพประจักษ์แจ้ง ​ เป็นอันโยคีบุคคลนั้นละนิวรณ์ได้ครบทั้ง 5  ด้วยประการฉะนี้ ในเวลาพร้อมกับได้ปฏิภาคนิมิตนั่นแล ​ โยคีบุคคลนั้นย่อมละ ​ กามฉันทนิวรณ์ ​ ได้ ด้วยอำนาจวิกขัมภนประหาน ​ เพราะไม่มนสิการถึงกามทั้งหลายอันเป็นภายนอก ​ และแม้ พยาปาทนิวรณ์ ​ อันโยคีบุคคลนั้นก็ละได้ ​ เพราะประหานความยินดีเสียได้นั่นเอง ​ เหมือนละหนองเสียได้ก็เพราะละโลหิตฉะนั้น ​ ถีนมิทธนิวรณ์ ​ เป็นอันโยคีบุคคลนั้นละได้เหมือนกัน ​ เพราะเป็นผู้มีความเพียรปรารภแล้ว ​ อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ ​ ก็เป็นอันละได้ ​ เพราะอำนาจประกอบด้วยธรรมอันสงบที่ไม่ทำความร้อนใจให้ ​ วิจิกิจฉา ​ ในศาสดาผู้แสดงข้อปฏิบัติก็ดี ​ ในข้อปฏิบัติก็ดี ​ ในผลแห่งการปฏิบัติก็ดี ​ ก็เป็นอันละได้ ​ เพราะคุณอันวิเศษที่บรรลุแล้ว ​ เป็นสภาพประจักษ์แจ้ง ​ เป็นอันโยคีบุคคลนั้นละนิวรณ์ได้ครบทั้ง 5  ด้วยประการฉะนี้
  
-'''​องค์ฌาน 5  ​ปรากฏ'''​+===องค์ฌาน 5===
  
 อนึ่ง ​ วิตก ​ ทำหน้าที่ยกจิตขึ้นไว้ในนิมิตนั้นนั่นแล ​ วิจาร ​ ทำกิจคือพิจารณานิมิตให้สำเร็จอยู่ ​ เพราะมีอันได้การบรรลุคุณวิเศษเป็นปัจจัย ​ ปีติ ​ ย่อมปรากฏ ​ เพราะปัสสัทธิสำเร็จแก่ผู้ที่มีใจประกอบด้วยปีติ ​ ปัสสัทธิ ​ ย่อมปรากฏ ​ สุข ​ ซึ่งมีปัสสัทธินั้นเป็นเหตุย่อมปรากฏ ​ และเพราะจิตตสมาธิ ​ สำเร็จแก่ผู้ที่มีความสุข ​ เอกัคคตา ​ ซึ่งมีความสุขเป็นเหตุย่อมปรากฏ ​ เป็นอัน ​ องค์ฌานทั้งหลาย ​ ปรากฏเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้ ​ แม้อุปจารฌานอันเป็นเครื่องรองรับปฐมฌานก็บังเกิดแก่โยคีบุคคลนั้นในขณะพร้อมกันนั้นนั่นเทียว อนึ่ง ​ วิตก ​ ทำหน้าที่ยกจิตขึ้นไว้ในนิมิตนั้นนั่นแล ​ วิจาร ​ ทำกิจคือพิจารณานิมิตให้สำเร็จอยู่ ​ เพราะมีอันได้การบรรลุคุณวิเศษเป็นปัจจัย ​ ปีติ ​ ย่อมปรากฏ ​ เพราะปัสสัทธิสำเร็จแก่ผู้ที่มีใจประกอบด้วยปีติ ​ ปัสสัทธิ ​ ย่อมปรากฏ ​ สุข ​ ซึ่งมีปัสสัทธินั้นเป็นเหตุย่อมปรากฏ ​ และเพราะจิตตสมาธิ ​ สำเร็จแก่ผู้ที่มีความสุข ​ เอกัคคตา ​ ซึ่งมีความสุขเป็นเหตุย่อมปรากฏ ​ เป็นอัน ​ องค์ฌานทั้งหลาย ​ ปรากฏเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้ ​ แม้อุปจารฌานอันเป็นเครื่องรองรับปฐมฌานก็บังเกิดแก่โยคีบุคคลนั้นในขณะพร้อมกันนั้นนั่นเทียว