วิสุทธิมรรค_04_ปถวีกสิณนิทเทส

ความแตกต่าง

นี่เป็นการแสดงความแตกต่างระหว่างเพจสองรุ่น

ลิงค์ไปยังการเปรียบเทียบนี้

การแก้ไขก่อนหน้าทั้งสองฝั่ง การแก้ไขก่อนหน้า
การแก้ไขถัดไป
การแก้ไขก่อนหน้า
วิสุทธิมรรค_04_ปถวีกสิณนิทเทส [2020/09/01 12:19] dhammaวิสุทธิมรรค_04_ปถวีกสิณนิทเทส [2021/01/02 13:14] (ฉบับปัจจุบัน) – แก้ไขภายนอก 127.0.0.1
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
-{{wst>วสธมฉปส head|}} +{{template:วสธมฉปส head|}} 
-{{wst>วสธมฉปส sidebar}}+{{template:บับรับำนวน head|}}
  
 = วิธีเลือกวัดให้ภาวนาสะดวก = = วิธีเลือกวัดให้ภาวนาสะดวก =
บรรทัด 467: บรรทัด 467:
 หนึ่ง  ความฉลาดในนิมิตที่ประสงค์เอาในอัปปนาโกศลกถานี้  ได้แก่ความฉลาดในการรักษาซึ่งนิมิตที่ได้มาแล้วด้วยการภาวนานั้น หนึ่ง  ความฉลาดในนิมิตที่ประสงค์เอาในอัปปนาโกศลกถานี้  ได้แก่ความฉลาดในการรักษาซึ่งนิมิตที่ได้มาแล้วด้วยการภาวนานั้น
  
-====โพชฌงค์ 7====+====โพชฌงค์==== 
 + 
  
 '''4.  โดยยกจิตในสมัยที่ควรยก '''4.  โดยยกจิตในสมัยที่ควรยก
บรรทัด 807: บรรทัด 809:
  
 ===อัปปนาชวนวิถีจิต=== ===อัปปนาชวนวิถีจิต===
-'''+
 จิตเหล่าใดซึ่งมี  วิตก,  วิจาร,  ปีติ,  สุข,  เอกัคคตา  (จิตเตกัคคตา)  มีกำลังมากกว่าจิตปกติ  จิตเหล่านั้นเรียกว่า  บริกรรม  บ้าง  เพราะเหตุปรุงแต่งอัปปนา  เรียกว่า  อุปจาระ  บ้าง  เพราะเหตุอยู่ใกล้หรือเฉียดไปใกล้อัปปนา  เหมือนกับสถานที่ซึ่งอยู่ใกล้หมู่บ้านและใกล้นครเป็นต้น  เขาเรียกกันว่า  อุปจาระแห่งบ้านและอุปจาระแห่งนคร  ฉะนั้น  และเรียกว่า  อนุโลม  บ้าง  เพราะเหตุสมควรแก่อัปปนา  ตั้งแต่ในตอนก่อนแต่นี้และตอนหลังแห่งบริกรรมทั้งหลายมา  แหละในกามวจรชวนจิตนั้น  ดวงใดที่เกิดภายหลังเขาทั้งหมด จิตเหล่าใดซึ่งมี  วิตก,  วิจาร,  ปีติ,  สุข,  เอกัคคตา  (จิตเตกัคคตา)  มีกำลังมากกว่าจิตปกติ  จิตเหล่านั้นเรียกว่า  บริกรรม  บ้าง  เพราะเหตุปรุงแต่งอัปปนา  เรียกว่า  อุปจาระ  บ้าง  เพราะเหตุอยู่ใกล้หรือเฉียดไปใกล้อัปปนา  เหมือนกับสถานที่ซึ่งอยู่ใกล้หมู่บ้านและใกล้นครเป็นต้น  เขาเรียกกันว่า  อุปจาระแห่งบ้านและอุปจาระแห่งนคร  ฉะนั้น  และเรียกว่า  อนุโลม  บ้าง  เพราะเหตุสมควรแก่อัปปนา  ตั้งแต่ในตอนก่อนแต่นี้และตอนหลังแห่งบริกรรมทั้งหลายมา  แหละในกามวจรชวนจิตนั้น  ดวงใดที่เกิดภายหลังเขาทั้งหมด
  
บรรทัด 1483: บรรทัด 1485:
 '''อธิบายบทว่า สมาธิชํ (เกิดแต่สมาธิ) เป็นต้น''' '''อธิบายบทว่า สมาธิชํ (เกิดแต่สมาธิ) เป็นต้น'''
  
-คำว่า  '''สมาธิชํ (เกิดจากสมาธิ)'''  อธิบายว่า ฌานจิตตุปบาททั้งที่เกิดจากปฐมฌานสมาธิหรือที่เกิดจากทุติยฌานสัมปยุตตสมาธิ ก็ล้วนเกิดจากสมาธิสมาธิ.  ใน 2 อย่างนั้น แม้ปฐมฌานจิตตุปบาทที่เกิดจากปฐมฌานสัมปยุตสมาธิจะมีอยู่ก็จริง, แต่ทุติยฌานสมาธิ(ที่ทำให้เกิดทุติยฌานจิตตุปบาท)นี่เองที่เรียกว่าสมาธิได้เต็มที่ เพราะไม่หวั่นไหวเกินไป และมีความปลอดโปร่งเป็นอย่างดีเนื่องจากไม่มีวิตกวิจารแล้วนั่นเอง, ดังนั้น จึงตรัสคำว่า "สมาธิชํ (เกิดแต่สมาธิ)" ไว้ในทุติยฌานจิตตุปบาทนี้เท่านั้น เพื่อกล่าวยกย่องสมาธิของทุติยฌานจิตตุปบาทด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้.+คำว่า  '''สมาธิชํ (เกิดจากสมาธิ)'''  อธิบายว่า ฌานจิตตุปบาททั้งที่เกิดจากปฐมฌานสมาธิหรือที่เกิดจากทุติยฌานสัมปยุตตสมาธิ ก็ล้วนเกิดจากสมาธิ.  ใน 2 อย่างนั้น แม้ปฐมฌานจิตตุปบาทที่เกิดจากปฐมฌานสัมปยุตสมาธิจะมีอยู่ก็จริง, แต่ทุติยฌานสมาธิ(ที่ทำให้เกิดทุติยฌานจิตตุปบาท)นี่เองที่เรียกว่าสมาธิได้เต็มที่ เพราะไม่หวั่นไหวเกินไป และมีความปลอดโปร่งเป็นอย่างดีเนื่องจากไม่มีวิตกวิจารแล้วนั่นเอง, ดังนั้น จึงตรัสคำว่า "สมาธิชํ (เกิดแต่สมาธิ)" ไว้ในทุติยฌานจิตตุปบาทนี้เท่านั้น เพื่อกล่าวยกย่องสมาธิของทุติยฌานจิตตุปบาทด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้.
  
 (หน้าที่ 267) (หน้าที่ 267)