วิสุทธิมรรค_01-2_สีลนิทเทส

ความแตกต่าง

นี่เป็นการแสดงความแตกต่างระหว่างเพจสองรุ่น

ลิงค์ไปยังการเปรียบเทียบนี้

การแก้ไขถัดไป
การแก้ไขก่อนหน้า
วิสุทธิมรรค_01-2_สีลนิทเทส [2020/06/27 09:27] – แก้ไขภายนอก 127.0.0.1วิสุทธิมรรค_01-2_สีลนิทเทส [2021/01/02 13:14] (ฉบับปัจจุบัน) – แก้ไขภายนอก 127.0.0.1
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
-{{wst>วสธมฉปส head|}} +{{template:วสธมฉปส head|}} 
-{{wst>วสธมฉปส sidebar}}+{{template:บับรับำนวน head|}}
  
 <sub><fs smaller>''(หน้าที่ 9)''</fs></sub> <sub><fs smaller>''(หน้าที่ 9)''</fs></sub>
บรรทัด 8: บรรทัด 8:
 ก็แหละ  '''วิสุทธิมัคค'''  คือทางแห่งวิสุทธินี้  แม้ว่าพระผู้มีพระภาคจะได้ทรงแสดงโดยมุขคือศีลสมาธิปัญญาอันสงเคราะห์ด้วยคุณธรรมเป็นอเนกประการ  ดังที่พรรณนามาแล้วก็ตาม  นับว่าทรงแสดงไว้อย่างย่อมาก  เหตุนั้น  จึงยังไม่เพียงพอเพื่อความเป็นอุปการะแก่เวไนยสัตว์ทั่ว ๆ ไป  ดังนั้น  เพื่อจะพรรณนาความแห่งวิสุทธิมัคคนั้นอย่างพิสดาร  ขอตั้งปัญหากรรมปรารภถึงศีล  เป็นประการแรก  ดังนี้ – ก็แหละ  '''วิสุทธิมัคค'''  คือทางแห่งวิสุทธินี้  แม้ว่าพระผู้มีพระภาคจะได้ทรงแสดงโดยมุขคือศีลสมาธิปัญญาอันสงเคราะห์ด้วยคุณธรรมเป็นอเนกประการ  ดังที่พรรณนามาแล้วก็ตาม  นับว่าทรงแสดงไว้อย่างย่อมาก  เหตุนั้น  จึงยังไม่เพียงพอเพื่อความเป็นอุปการะแก่เวไนยสัตว์ทั่ว ๆ ไป  ดังนั้น  เพื่อจะพรรณนาความแห่งวิสุทธิมัคคนั้นอย่างพิสดาร  ขอตั้งปัญหากรรมปรารภถึงศีล  เป็นประการแรก  ดังนี้ –
  
-==คำถามเรื่องศีล==+=คำถามเรื่องศีล=
  
 1.  อะไร  ชื่อว่าศีล 1.  อะไร  ชื่อว่าศีล
บรรทัด 22: บรรทัด 22:
 6.  อะไร  เป็นความเศร้าหมองของศีล  และ อะไร   เป็นความผ่องแผ้วของศีล 6.  อะไร  เป็นความเศร้าหมองของศีล  และ อะไร   เป็นความผ่องแผ้วของศีล
  
-==คำตอบเรื่องศีล==                                                +=คำตอบเรื่องศีล=                                                
  
-===อะไร  ชื่อว่าศีล===+==อะไร  ชื่อว่าศีล==
  
 ในปัญหากรรมเหล่านั้น  มีคำวิสัชนาดังต่อไปนี้ - ในปัญหากรรมเหล่านั้น  มีคำวิสัชนาดังต่อไปนี้ -
บรรทัด 58: บรรทัด 58:
 การวิสัชนาปัญหาข้อว่า  อะไรชื่อว่าศีล  ประการแรก  ยุติด้วยประการฉะนี้ การวิสัชนาปัญหาข้อว่า  อะไรชื่อว่าศีล  ประการแรก  ยุติด้วยประการฉะนี้
  
-===อะไรเป็นสภาวะของคำว่าศีล?===+==อะไรเป็นสภาวะของคำว่าศีล?==
  
 จะวิสัชนาปัญหาข้อที่เหลือต่อไปดังนี้ - ปัญหาข้อว่า  ที่ชื่อว่าศีลเพราะอรรถว่ากระไร  วิสัชนาว่า  ที่ชื่อว่าศีลเพราะอรรถว่า  ความปกติ  ถาม – ที่ว่าความปกตินี้คืออย่างไร ? ตอบ – อย่างหนึ่ง   คือ  ความทรงอยู่ที่เรียบร้อย  หมายความว่า  ความเป็นผู้มีกริยาทางกายเป็นต้นไม่เกะกะด้วยอำนาจความสุภาพเรียบร้อย  อีกอย่างหนึ่ง  คือ  ความรองรับ  หมายความว่า  ภาวะที่รองรับด้วยสามารถเป็นฐานรองรับกุศลธรรมทั้งหลายก็แหละความหมาย 2 อย่างนี้เท่านั้นใน สีล ศัพท์นี้  บรรดาอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในลักษณะของศัพท์รับรองต้องกัน  ส่วนอาจารย์ฝ่ายอื่นพรรณนาความหมายใน สีล ศัพท์นี้ไว้แม้โดยนัยมีอาทิอย่างนี้ว่า  ความหมายแห่งสีล ศัพท์  หมายความว่า ยอด  ความหมายแห่งสีลศัพท์  หมายความว่า  เย็น  ฉะนี้    ( ฉบับพม่า  บาลีเป็น – สิรฏฺโฐ  สีลตฺโถ,  สีตลฏฺโฐ  สีลตฺโถ –แปลตามนี้ ) จะวิสัชนาปัญหาข้อที่เหลือต่อไปดังนี้ - ปัญหาข้อว่า  ที่ชื่อว่าศีลเพราะอรรถว่ากระไร  วิสัชนาว่า  ที่ชื่อว่าศีลเพราะอรรถว่า  ความปกติ  ถาม – ที่ว่าความปกตินี้คืออย่างไร ? ตอบ – อย่างหนึ่ง   คือ  ความทรงอยู่ที่เรียบร้อย  หมายความว่า  ความเป็นผู้มีกริยาทางกายเป็นต้นไม่เกะกะด้วยอำนาจความสุภาพเรียบร้อย  อีกอย่างหนึ่ง  คือ  ความรองรับ  หมายความว่า  ภาวะที่รองรับด้วยสามารถเป็นฐานรองรับกุศลธรรมทั้งหลายก็แหละความหมาย 2 อย่างนี้เท่านั้นใน สีล ศัพท์นี้  บรรดาอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในลักษณะของศัพท์รับรองต้องกัน  ส่วนอาจารย์ฝ่ายอื่นพรรณนาความหมายใน สีล ศัพท์นี้ไว้แม้โดยนัยมีอาทิอย่างนี้ว่า  ความหมายแห่งสีล ศัพท์  หมายความว่า ยอด  ความหมายแห่งสีลศัพท์  หมายความว่า  เย็น  ฉะนี้    ( ฉบับพม่า  บาลีเป็น – สิรฏฺโฐ  สีลตฺโถ,  สีตลฏฺโฐ  สีลตฺโถ –แปลตามนี้ )
  
-===อะไรเป็นลักษณะ,รส, ปัจจุปัฏฐาน, ปทัฎฐานของศีล?===+==อะไรเป็นลักษณะ,รส, ปัจจุปัฏฐาน, ปทัฎฐานของศีล?==
  
 ลำดับนี้  จะวิสัชนาปัญหาข้อที่ว่า  อะไรเป็นลักษณะ,  เป็นรส,  เป็นอาการปรากฎและเป็นปทัฎฐานของศีล  ต่อไปดังนี้ - ลำดับนี้  จะวิสัชนาปัญหาข้อที่ว่า  อะไรเป็นลักษณะ,  เป็นรส,  เป็นอาการปรากฎและเป็นปทัฎฐานของศีล  ต่อไปดังนี้ -
บรรทัด 80: บรรทัด 80:
  
  
-===ศีลมีอานิสงส์อย่างไร===+==ศีลมีอานิสงส์อย่างไร==
  
 ปัญหาข้อว่า  ศีลมีอานิสงส์อย่างไร  วิสัชนาว่า  ศีลนั้นมีอันได้ซึ่งคุณเป็นอันมากมีความไม่เดือดร้อนเป็นต้นเป็นอานิสงส์  สมดังพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ว่า  "ดูก่อนอานันทะ  กุศลศีลมีความไม่เดือดร้อนเป็นผล  มีความไม่เดือดร้อนเป็นอานิสงส์แล" ปัญหาข้อว่า  ศีลมีอานิสงส์อย่างไร  วิสัชนาว่า  ศีลนั้นมีอันได้ซึ่งคุณเป็นอันมากมีความไม่เดือดร้อนเป็นต้นเป็นอานิสงส์  สมดังพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ว่า  "ดูก่อนอานันทะ  กุศลศีลมีความไม่เดือดร้อนเป็นผล  มีความไม่เดือดร้อนเป็นอานิสงส์แล"
  
-<sub><fs smaller>''(หน้าที่ 13)''</fs></sub>+<sub><fs smaller>''(หน้าที่ 13)''</fs></sub=>
  
 ยังมีพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้อย่างอื่นอีกว่า – ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย  อานิสงส์ของศีลสมบัติของบุคคลผู้มีศีล  มี 5 ประการเหล่านี้  อานิสงส์ 5 ประการนั้น  คืออะไรบ้าง ? ยังมีพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้อย่างอื่นอีกว่า – ดูก่อนคหบดีทั้งหลาย  อานิสงส์ของศีลสมบัติของบุคคลผู้มีศีล  มี 5 ประการเหล่านี้  อานิสงส์ 5 ประการนั้น  คืออะไรบ้าง ?
บรรทัด 121: บรรทัด 121:
  
 นักศึกษาพึงทราบกถามุขอันแสดงถึงอานิสงส์ของศีล  อันเป็นมูลรากแห่งคุณทั้งหลาย  และเป็นเครื่องทำลายกำลังแห่งโทษทั้งหลาย  ด้วยประการดังพรรณนามาฉะนี้แล นักศึกษาพึงทราบกถามุขอันแสดงถึงอานิสงส์ของศีล  อันเป็นมูลรากแห่งคุณทั้งหลาย  และเป็นเครื่องทำลายกำลังแห่งโทษทั้งหลาย  ด้วยประการดังพรรณนามาฉะนี้แล
- 
-===ศีลมีกี่อย่าง=== 
- 
-ลำดับนี้  จะวิสัชนาในปัญหากรรมข้อที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ว่า  ศีลนี้มีกี่อย่าง ต่อไปนี้ 
- 
-ศีลนี้สิ้นทั้งมวล  ชื่อว่า  มีอย่างเดียว  ด้วยลักษณะคือความปกติของตน  เป็นประการแรก 
  
 <sub><fs smaller>''(หน้าที่ 15)''</fs></sub> <sub><fs smaller>''(หน้าที่ 15)''</fs></sub>
  
-ศีล 2 อย่างหวดท่ 1 โดยแยเป็น  จาริตตศล 1 วาริตตศีล 1, ศีล 2 อยาง  หมวดที่ 2 โดยแยกเป็น  อาภิสมาจาริกศีล 1 อาทิพรหมจริยกศีล 1, ศีล 2 อย่าง  หมวดที่ 3 โดยแยกเป็น  วิรติศีล 1 อวิรติศีล 1, ศีล 2 อย่างหมวดที่ 4 โดยแยกเป็น  นิสสิตศีล 1 อนิสสิตศีล 1, ศีล 2  อย่างหมวดที่ 5 โดยแยกเป็น  กาลปริยันตศีล 1 อาปาณโกฏิกศีล 1, ศีล 2 อย่างหมวดที่ 6 โดยแยกเป็น  สปริยันตศีล 1 อปริยันตศีล 1, ศีล 2 อย่างหมวดที่ 7 โดยแยกเป็น  โลกิยศีล 1 โลกุตตรศีล 1+==ศีลมีกี่อย่าง==
  
-ศีล 3 อย่างหมว่ 1 โดยแยกเป็น  หีนศีล 1 มัชฌิมศีล 1 ปณีตศีล 1 , ศีล  3 อย่งหมวดที่ 2 โดยแยกเป็น  อัตตาธิไตยศีล 1 โลกาธิปไตยศีล 1 ธมมธิปไตยศีล 1, ศีล 3  อย่างหมวดที่ 3 โดยแยเป็น ามัฏฐศีล 1 อปัฏฐศีล 1 ปฏิปัสสัทธิศีล 1, ศีล 3 ย่างหมวดที่ 4 โดยแยกเป็น  วิสุทธศีล 1 อวิสุทธศีล 1 เวมติกศีล 1, ศีล 3 อย่งหมวดที่ 5 โดยแยกป็น  เสกขศีล 1 เนวเสกขนาเสขศีล +ับน้  จะวิสัชนปัญหากรรมข้อที่ข้จ้ากล่าวไว้ว่า  ศีลนีมีอย่าง ต่อปนี
- +
-ศีล 4 อย่างหมดที่ 1 โดยแยกเป็น  หาภาคิยศีล 1 ฐิติภาคิยศีล 1 ิเสสภาคิยศีล 1 นิพเพธภาคิยศีล 1, ศีล 4 อย่างหมวดที่ 2 โดยแยกเป็น  ภิกขุศีล 1 ภิกขุนีศีล 1 อนุปสัปันนศล 1 คหัฏฐศล 1, ศีล 4 อย่างหมวดที่ 3 โดยแยกเป็น  ปกิศีล 1  ธัมมตาศีล 1  ปุพพเหตุกศีล 1,  ศีล 4 อยางหมวดที่ 4  โดยแยกเป็น  ปาติโมกขสังวรศีล 1  ินทรียสังวรศีล 1  อาชีวาริสุทธิศีล 1  ปัจจยสันิสสิตศล 1+
  
-ศีล 5 อย่างหมวดที่ 1  โดยแยกเป็น  ปริยันตปาริสุทธิศีลเป็นต้น  ข้อนี้สมจริงดังที่ท่านพระธรรมเสนาบดีสารีปุตตะแสดงไว้ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามัคค์ว่า  "ศีล 5 อย่าง  คือ  ปริยันตปาริสุทธิศีล 1  อปริยันตปาริสุทธิศีล 1  ปริปุณณปาริสุทธิศีล 1  อปรามัฏฐปาริสุทธิศีล 1 ปฏิปัสสัทธิปาริสุทธิศีล 1", ศีล 5 อย่างหมวดที่ 2 โดยแยกเป็น ปหานศีล 1 เวรมณีศีล 1  เจตนาศีล 1  สังวรศีล 1  อวีติกกมศีล 1+#ศีลนี้สิ้นทั้งมวล ชื่อว่า มีอย่างเดียว ด้วยลักษณะคือความปกติของตน เป็นประการแรก 
 +#ศีล 2 อย่าง หมวดที่ 1 โดยแยกเป็น จาริตตศีล 1 วาริตตศีล 1,  
 +#ศีล 2 อย่าง หมวดที่ 2 โดยแยกเป็น อาภิสมาจาริกศีล 1 อาทิพรหมจริยกศีล 1,  
 +#ศีล 2 อย่าง หมวดที่ 3 โดยแยกเป็น วิรติศีล 1 อวิรติศีล 1,  
 +#ศีล 2 อย่าง หมวดที่ 4 โดยแยกเป็น นิสสิตศีล 1 อนิสสิตศีล 1,  
 +#ศีล 2 อย่าง หมวดที่ 5 โดยแยกเป็น กาลปริยันตศีล 1 อาปาณโกฏิกศีล 1,  
 +#ศีล 2 อย่าง หมวดที่ 6 โดยแยกเป็น สปริยันตศีล 1 อปริยันตศีล 1,  
 +#ศีล 2 อย่าง หมวดที่ 7 โดยแยกเป็น โลกิยศีล 1 โลกุตตรศีล 1 
 +#ศีล 3 อย่าง หมวดที่ 1 โดยแยกเป็น หีนศีล 1 มัชฌิมศีล 1 ปณีตศีล 1 ,  
 +#ศีล 3 อย่าง หมวดที่ 2 โดยแยกเป็น อัตตาธิปไตยศีล 1 โลกาธิปไตยศีล 1 ธัมมาธิปไตยศีล 1,  
 +#ศีล 3 อย่าง หมวดที่ 3 โดยแยกเป็น ปรามัฏฐศีล 1 อปรามัฏฐศีล 1 ปฏิปัสสัทธิศีล 1,  
 +#ศีล 3 อย่าง หมวดที่ 4 โดยแยกเป็น วิสุทธศีล 1 อวิสุทธศีล 1 เวมติกศีล 1,  
 +#ศีล 3 อย่าง หมวดที่ 5 โดยแยกเป็น เสกขศีล 1 เนวเสกขานาเสกขศีล 1 
 +#ศีล 4 อย่าง หมวดที่ 1 โดยแยกเป็น หาภาคิยศีล 1 ฐิติภาคิยศีล 1 วิเสสภาคิยศีล 1 นิพเพธภาคิยศีล 1,  
 +#ศีล 4 อย่าง หมวดที่ 2 โดยแยกเป็น ภิกขุศีล 1 ภิกขุนีศีล 1 อนุปสัมปันนศีล 1 คหัฏฐศีล 1,  
 +#ศีล 4 อย่าง หมวดที่ 3 โดยแยกเป็น ปกติศีล 1 ธัมมตาศีล 1 ปุพพเหตุกศีล 1,  
 +#ศีล 4 อย่าง หมวดที่ 4 โดยแยกเป็น ปาติโมกขสังวรศีล 1 อินทรียสังวรศีล 1 อาชีวปาริสุทธิศีล 1 ปัจจยสันนิสสิตศีล 1 
 +#ศีล 5 อย่าง หมวดที่ 1 โดยแยกเป็น ปริยันตปาริสุทธิศีลเป็นต้น ข้อนี้สมจริงดังที่ท่านพระธรรมเสนาบดีสารีปุตตะแสดงไว้ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามัคค์ว่า "ศีล 5 อย่าง คือ ปริยันตปาริสุทธิศีล 1 อปริยันตปาริสุทธิศีล 1 ปริปุณณปาริสุทธิศีล 1 อปรามัฏฐปาริสุทธิศีล 1 ปฏิปัสสัทธิปาริสุทธิศีล 1",  
 +#ศีล 5 อย่าง หมวดที่ 2 โดยแยกเป็น ปหานศีล 1 เวรมณีศีล 1 เจตนาศีล 1 สังวรศีล 1 อวีติกกมศีล 1
  
 <sub><fs smaller>''(หน้าที่ 16) ''</fs></sub> <sub><fs smaller>''(หน้าที่ 16) ''</fs></sub>
  
-====อธิบายศีลหมวด 1====+===อธิบายศีลหมวด 1===
  
 ในบรรดาศีลเหล่านี้  อรรถาธิบายในส่วนแห่งศีลมีอย่างเดียว  นักศึกษาพึงทราบ  โดยนัยที่ได้กล่าวมาแล้วนั่นเทียว ในบรรดาศีลเหล่านี้  อรรถาธิบายในส่วนแห่งศีลมีอย่างเดียว  นักศึกษาพึงทราบ  โดยนัยที่ได้กล่าวมาแล้วนั่นเทียว
บรรทัด 148: บรรทัด 158:
 ศีล 2 อย่างโดยแยกเป็นจารีตตศีล  และ  วาริตตศีล  ยุติด้วยประการฉะนี้ ศีล 2 อย่างโดยแยกเป็นจารีตตศีล  และ  วาริตตศีล  ยุติด้วยประการฉะนี้
  
-====อธิบายศีลหมวด 2====+===อธิบายศีลหมวด 2===
  
 '''อธิบายศีล 2  หมวดที่ 2''' '''อธิบายศีล 2  หมวดที่ 2'''
บรรทัด 200: บรรทัด 210:
 ศีล 2 อย่างโดยแยกเป็นโลกิยศีลและโลกุตตรศีล  ยุติด้วยประการฉะนี้ ศีล 2 อย่างโดยแยกเป็นโลกิยศีลและโลกุตตรศีล  ยุติด้วยประการฉะนี้
  
-====อธิบายศีลหมวด 3====+===อธิบายศีลหมวด 3===
  
 '''อธิบายศีล 3 หมวดที่ 1''' '''อธิบายศีล 3 หมวดที่ 1'''
บรรทัด 244: บรรทัด 254:
 ส่วนในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามัคค์  ท่านพระธรรมเสนาบดีสารีปุตตะกล่าวไว้ว่า "โดยที่แม้ความปกติของสัตว์นั้น ๆ ในโลก  ที่คนทั้งหลายอาศัยใช้พูดกันอยู่ว่า  "คนนี้มีสุขเป็นปกติ  คนนี้มีทุกข์เป็นปกติ  คนนี้มีการทะเลาะเป็นปกติ  คนนี้ประดับตนเป็นปกติ"  ดังนี้ก็เรียกว่าศีล"  ฉะนั้น  โดยปริยายนั้น  ศีลก็มีอยู่ 3  อย่างคือ  กุศลศีล 1  อกุศลศีล 1  อัพยากตศีล 1  ศีล 3 อย่างโดยแยกเป็นกุศลศีลเป็นต้น  ยุติด้วยประการฉะนี้  ในศีล 3 อย่างนั้น  อกุศลศีล  ย่อมเข้ากันไม่ได้กับอาการของศีลที่ประสงค์เอาในอรรถนี้มีลักษณะเป็นต้นแม้สักอาการเดียวดังนั้น  ข้าพเจ้าจึงมิได้ยกมาไว้ในอธิการนี้  เพราะฉะนั้น  นักศึกษาพึงทราบภาวะที่ศีลนั้นมี 3 อย่าง  โดยนัยเท่าที่บรรยายมาแล้วเท่านั้น ส่วนในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามัคค์  ท่านพระธรรมเสนาบดีสารีปุตตะกล่าวไว้ว่า "โดยที่แม้ความปกติของสัตว์นั้น ๆ ในโลก  ที่คนทั้งหลายอาศัยใช้พูดกันอยู่ว่า  "คนนี้มีสุขเป็นปกติ  คนนี้มีทุกข์เป็นปกติ  คนนี้มีการทะเลาะเป็นปกติ  คนนี้ประดับตนเป็นปกติ"  ดังนี้ก็เรียกว่าศีล"  ฉะนั้น  โดยปริยายนั้น  ศีลก็มีอยู่ 3  อย่างคือ  กุศลศีล 1  อกุศลศีล 1  อัพยากตศีล 1  ศีล 3 อย่างโดยแยกเป็นกุศลศีลเป็นต้น  ยุติด้วยประการฉะนี้  ในศีล 3 อย่างนั้น  อกุศลศีล  ย่อมเข้ากันไม่ได้กับอาการของศีลที่ประสงค์เอาในอรรถนี้มีลักษณะเป็นต้นแม้สักอาการเดียวดังนั้น  ข้าพเจ้าจึงมิได้ยกมาไว้ในอธิการนี้  เพราะฉะนั้น  นักศึกษาพึงทราบภาวะที่ศีลนั้นมี 3 อย่าง  โดยนัยเท่าที่บรรยายมาแล้วเท่านั้น
  
-====อธิบายศีลหมวด 4====+===อธิบายศีลหมวด 4===
  
 '''อธิบายศีล 4  หมวดที่ 1''' '''อธิบายศีล 4  หมวดที่ 1'''
บรรทัด 842: บรรทัด 852:
 ศีล 4 อย่างโดยแยกเป็นปาติโมกขสังวรศีลเป็นต้น  ยุติด้วยประการฉะนี้ ศีล 4 อย่างโดยแยกเป็นปาติโมกขสังวรศีลเป็นต้น  ยุติด้วยประการฉะนี้
  
-====อธิบายศีลหมวด 5====+===อธิบายศีลหมวด 5===
  
 '''อธิบายศีล 5 อย่าง  หมวดที่ 1''' '''อธิบายศีล 5 อย่าง  หมวดที่ 1'''
บรรทัด 970: บรรทัด 980:
 ก็แหละ  การวิสัชนาปัญหาเหล่านี้  คือ  อะไรชื่อว่าศีล 1  ที่ชื่อว่าศีลเพราะอรรถว่ากระไร 1 อะไรเป็นลักษณะ,  เป็นรส,  เป็นอาการปรากฎ  และเป็นปทัฎฐานของศีล 1  ศีลมีอานิสงส์อย่างไร 1  และศีลนี้มีกี่อย่าง 1  ดังนี้  เป็นอันจบลงด้วยอรรถาธิบายเพียงเท่านี้ ก็แหละ  การวิสัชนาปัญหาเหล่านี้  คือ  อะไรชื่อว่าศีล 1  ที่ชื่อว่าศีลเพราะอรรถว่ากระไร 1 อะไรเป็นลักษณะ,  เป็นรส,  เป็นอาการปรากฎ  และเป็นปทัฎฐานของศีล 1  ศีลมีอานิสงส์อย่างไร 1  และศีลนี้มีกี่อย่าง 1  ดังนี้  เป็นอันจบลงด้วยอรรถาธิบายเพียงเท่านี้
  
-===อะไรเป็นความเศร้าหมองเป็นความผ่องแผ้วของศีล===+==อะไรเป็นความเศร้าหมองเป็นความผ่องแผ้วของศีล==
  
 ปัญหากรรมใดที่ข้าพเจ้ากล่าวมาแล้วว่า  อะไรเป็นความเศร้าหมองเป็นความผ่องแผ้วของศีล  นั้น  ข้าพเจ้าจะวิสัชนาในปัญหากรรมนั้นต่อไป  ดังนี้ -  ภาวะที่ศีลขาดเป็นต้น  เป็นความเศร้าหมองของศีล  ภาวะที่ศีลไม่ขาดเป็นต้นเป็นความผ่องแผ้วของศีล ปัญหากรรมใดที่ข้าพเจ้ากล่าวมาแล้วว่า  อะไรเป็นความเศร้าหมองเป็นความผ่องแผ้วของศีล  นั้น  ข้าพเจ้าจะวิสัชนาในปัญหากรรมนั้นต่อไป  ดังนี้ -  ภาวะที่ศีลขาดเป็นต้น  เป็นความเศร้าหมองของศีล  ภาวะที่ศีลไม่ขาดเป็นต้นเป็นความผ่องแผ้วของศีล
  
-====ความเศร้าหมองของศีล====+===ความเศร้าหมองของศีล===
  
 ก็แหละ  ภาวะที่ศีลขาดเป็นต้นนั้น  ท่านสงเคราะห์ด้วยความแตกซึ่งมีลาภและยศเป็นต้นเป็นเหตุอย่างหนึ่ง  ด้วยเมถุนสังโยค 7  ประการอย่างหนึ่ง ก็แหละ  ภาวะที่ศีลขาดเป็นต้นนั้น  ท่านสงเคราะห์ด้วยความแตกซึ่งมีลาภและยศเป็นต้นเป็นเหตุอย่างหนึ่ง  ด้วยเมถุนสังโยค 7  ประการอย่างหนึ่ง
บรรทัด 1010: บรรทัด 1020:
 นักศึกษาพึงทราบว่า  ภาวะที่ศีลขาดเป็นต้น  ท่านสงเคราะห์ด้วยความแตกซึ่ง  มีลาภเป็นต้นเป็นเหตุอย่างหนึ่ง  ด้วยเมถุนสังโยค 7  ประการอย่างหนึ่ง  ด้วยประการดังพรรณนามาฉะนี้ นักศึกษาพึงทราบว่า  ภาวะที่ศีลขาดเป็นต้น  ท่านสงเคราะห์ด้วยความแตกซึ่ง  มีลาภเป็นต้นเป็นเหตุอย่างหนึ่ง  ด้วยเมถุนสังโยค 7  ประการอย่างหนึ่ง  ด้วยประการดังพรรณนามาฉะนี้
  
-====ความผ่องแผ้วของศีล====+===ความผ่องแผ้วของศีล===
  
 ก็แหละ  ภาวะที่ศีลไม่ขาดเป็นต้น  ท่านสงเคราะห์ด้วยความไม่แตกแห่งสิกขาบททั้งหลายโดยสิ้นเชิง 1  ด้วยการกระทำคืนสิกขาบทที่ทำคืนได้ซึ่งแตกแล้ว 1  ด้วยความไม่มีเมถุนสังโยค 7  ประการ 1  ด้วยข้อปฏิบัติอื่น ๆ  คือความไม่เกิดขึ้นแห่งบาปธรรมทั้งหลายมี  อาทิ  เช่น  ความโกรธ  ความผูกโกรธ  ความลบหลู่  ความริษยา  ความตระหนี่  ความมารยา  ความโอ้อวด  ความหัวดื้อ  ความแข่งดี  ความถือตัว  ความดูหมิ่น  ความมัวเมา  ความเลินเล่อ 1  ด้วยความบังเกิดขึ้นแห่งคุณทั้งหลายมีอาทิเช่น  ความมักน้อย  ความสันโดษ  ความขัดเกลา 1 ก็แหละ  ภาวะที่ศีลไม่ขาดเป็นต้น  ท่านสงเคราะห์ด้วยความไม่แตกแห่งสิกขาบททั้งหลายโดยสิ้นเชิง 1  ด้วยการกระทำคืนสิกขาบทที่ทำคืนได้ซึ่งแตกแล้ว 1  ด้วยความไม่มีเมถุนสังโยค 7  ประการ 1  ด้วยข้อปฏิบัติอื่น ๆ  คือความไม่เกิดขึ้นแห่งบาปธรรมทั้งหลายมี  อาทิ  เช่น  ความโกรธ  ความผูกโกรธ  ความลบหลู่  ความริษยา  ความตระหนี่  ความมารยา  ความโอ้อวด  ความหัวดื้อ  ความแข่งดี  ความถือตัว  ความดูหมิ่น  ความมัวเมา  ความเลินเล่อ 1  ด้วยความบังเกิดขึ้นแห่งคุณทั้งหลายมีอาทิเช่น  ความมักน้อย  ความสันโดษ  ความขัดเกลา 1
บรรทัด 1062: บรรทัด 1072:
 ลงไป  บางทีก็ลอยขวางไป  นี้เป็นสิ่งประเสริฐหรือ  หรือว่าการที่ภิกษุผู้ทุศีลจะพึงใช้วิหารที่เขาให้ด้วยศรัทธา  ของเหล่ากษัตริย์มหาศาล  เหล่าพราหมณ์มหาศาล  หรือเหล่าคหบดีมหาศาล  เป็นสิ่งประเสริฐเล่าหนอ  ฯลฯ   ลงไป  บางทีก็ลอยขวางไป  นี้เป็นสิ่งประเสริฐหรือ  หรือว่าการที่ภิกษุผู้ทุศีลจะพึงใช้วิหารที่เขาให้ด้วยศรัทธา  ของเหล่ากษัตริย์มหาศาล  เหล่าพราหมณ์มหาศาล  หรือเหล่าคหบดีมหาศาล  เป็นสิ่งประเสริฐเล่าหนอ  ฯลฯ  
  
-====คำบริกรรมโทษที่ทุศีล====+===คำบริกรรมโทษที่ทุศีล===
  
 เพราะเหตุนั้น  นักศึกษาพึงทราบการมองเห็นโทษในศีลวิบัติ  ด้วยการพิจารณามี  อาทิอย่างนี้ว่า เพราะเหตุนั้น  นักศึกษาพึงทราบการมองเห็นโทษในศีลวิบัติ  ด้วยการพิจารณามี  อาทิอย่างนี้ว่า
บรรทัด 1092: บรรทัด 1102:
 บุคคลอื่นใครเล่า  ที่จะเป็นที่ตั้งแห่งความกรุณาของบุคคลผู้มีความกรุณาเสมอเหมือนภิกษุผู้ทุศีล  โทษแห่งความเป็นผู้ทุศีลมีมากอย่างหลายประการดังพรรณนามา  ฉะนี้ บุคคลอื่นใครเล่า  ที่จะเป็นที่ตั้งแห่งความกรุณาของบุคคลผู้มีความกรุณาเสมอเหมือนภิกษุผู้ทุศีล  โทษแห่งความเป็นผู้ทุศีลมีมากอย่างหลายประการดังพรรณนามา  ฉะนี้
  
-====คำบริกรรมอานิสงส์ที่มีศีล====+===คำบริกรรมอานิสงส์ที่มีศีล===
  
 ส่วนการมองเห็นอานิสงส์ของศีลสมบัติ  โดยประการตรงกันข้ามจากประการที่กล่าวมาแล้ว  นักศึกษาพึงทราบดังต่อไปนี้ – ส่วนการมองเห็นอานิสงส์ของศีลสมบัติ  โดยประการตรงกันข้ามจากประการที่กล่าวมาแล้ว  นักศึกษาพึงทราบดังต่อไปนี้ –
บรรทัด 1136: บรรทัด 1146:
 '''-----------------------------------''' '''-----------------------------------'''
  
-==ดูเพิ่ม==+=ดูเพิ่ม=
 *'''[http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/sutta23.php ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค]''' *'''[http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/sutta23.php ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค]'''
 *'''[[วิสุทธิมรรค ฉบับปรับสำนวน]] (สารบัญ)''' *'''[[วิสุทธิมรรค ฉบับปรับสำนวน]] (สารบัญ)'''