มหาสติปัฏฐานสูตร_ฉบับปรับสำนวน

ความแตกต่าง

นี่เป็นการแสดงความแตกต่างระหว่างเพจสองรุ่น

Link to this comparison view

Both sides previous revision Previous revision
Next revision Both sides next revision
มหาสติปัฏฐานสูตร_ฉบับปรับสำนวน [2020/12/25 10:09]
dhamma [คำอธิบายผู้ปรับสำนวน]
มหาสติปัฏฐานสูตร_ฉบับปรับสำนวน [2020/12/25 10:17]
dhamma [สัมปชัญญบรรพ]
บรรทัด 140: บรรทัด 140:
 ===สัมปชัญญบรรพ=== ===สัมปชัญญบรรพ===
  
-[276]   ​ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ภิกษุย่อมทำความรู้สึวใร  ​ก้าว ในารอย ​แล ในการเหลียว ​ในการคู้เข้า ในการเหยียดออกในการทรงผ้าสังฆาฏิบาตรและจีวร ​ในการัน ​ดื่ม ​การเคี้ยว ​การลิ้ม ​ในการถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ ย่อมทำความรู้สึว ใเดิน ​การยืน ​การนั่งการหลับ ​การตื่น ​การพูด ​การนิ่ง ดังพรรณนฉะนี้ ภิษุอมพิจารณาเ็นกายในกายภานบ้าง ​รณเห็นกายในกายภายนอบ้าง ​รณาเห็นกายในกายายในทั้งายนอบ้าง ​รณาเห็นรมคือควาเกิดข้นในายบ้างรณาเห็นธรคือควาเสือมในายบ้าง ​รณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้ควมเสอมใกายบ้าง ​ย่อยู่ ​อีกอย่างหนึง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า กายมอยู่ ก็เพียงสักว่าควมรู้ เพียงสักวอาศัยะลึกเท่านั้น ​เธเป็ผู้อัตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือั่นะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แลภิกษุชื่อว่าพิจรณาเห็นกายในกายอยู่ ฯ+[276]   ​ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ​ 
 +#ภิกษุย่อมรู้(อารมณ์รรมฐาน)ชดเจอย่งชำนาญในขณะก้าว ในขณะถอย  
 +#​ย่อมรู้(อารมณ์กรรมฐาน)ชัดเจนอย่างชำนาญในขณะแล ในขณะเหลียว ​ 
 +#​ย่อมรู้(อารมณ์กรรมฐาน)ชัดเจนอย่างชำนาญในขณะคู้เข้า ในขณะเหยียดออก 
 +#​ย่อมรู้(อารมณ์กรรมฐาน)ชัดเจนอย่างชำนาญในขณะทรงผ้าสังฆาฏิบาตรและจีวร ​ 
 +#​ย่อมรู้(อารมณ์กรรมฐาน)ชดเจอย่งชำนาญในขณะกิน ขณะดื่ม ​ขณะเคี้ยว ​ขณะลิ้ม ​ 
 +#​ย่อมรู้(อารมณ์กรรมฐาน)ชัดเจนอย่างชำนาญในขณะถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ ​ 
 +#ย่อมรู้(อารมณ์รรมฐาน)ชดเจอย่งชำนาญในขณะเดิน ​ขณะยืน ​ขณะนั่งขณะหลับ ​ขณะตื่น ​ขณะพูด ​ขณะนิ่ง ​ 
 + 
 +#​ภิกษุตามอนุปัสสนาดังกล่วข้งตน แยกาสังขารคืยใจ (็นต้น) ​ในกองกรัชกายคืออิริาบถ 4 ของตเองอยู่บ้าง 
 +#ภกษุตมอนุปัสสนดังกล่าวข้างต้น แยกายสังขารคือลมหายใจ (เป็ต้น) ในกองกรัชกายคืออิริาบถ 4 ของคนอื่นอยู่บ้าง ​ 
 +#ภกษุตมอุปัสสนาดังล่วข้างต้น แยกกายังขารคือลมหายใจ (เป็น) ในกอกรัชกายคืออิริยาบถ 4 ทั้งของตงและของคนอื่นอยู่บ้าง ​ 
 +#ภกษุตมอนุปัสสนาเห็นเหตุเกิดในกายสังขารคือหายใจังกล่าว้างต้นในอิริยบถ 4 อู่บ้าง ​ 
 +#ภกษุตมอนุปัสสนาเห็นเหตุดับในกายสังขารคือหายใจดังกลาวข้างต้นในอิริยบถ 4 อู่บ้าง ​ 
 +#ภกษุตมอนุปัสสนาเห็นเหตุเกิดและเหตุดับใกายสังรคือหายจดังล่วข้างต้นในิริยาบถ 4 อยู่บ้าง ​ 
 + 
 +วนสติของภิกษุนั้นที่ตั้งมั่นอยู่ว่า ​"​มีกายสังขารคือลหายใจ(เป็นต้น)อยู่(ไม่มีสัตว์บุคคลใดๆ ในกรัชกายนี้)" ​ก็เพียงเพือให้ปัญญ(ปชนาติ)พัฒนาเป็นญาณเท่านัน เพียงเพื่ออบรมติให้ตั้งมั่นในอารมณ์เท่านั้น ​ภิกษุไม่ใช้ิริยาบถ 4 ฐาะ 7 าศยอยู่กับตัณหาและทิฐิแล้ว และไม่มุปาทาน 4 ยึดติดโลกใดๆ ในโลกคือปิยรูปสาตรูป 60 ทั้งสิ้น. ​ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่า ​"ตมอุปัสสนา 7 แยกกายในกองกรัชกายออกเป็นส่วนๆ ดำรงอยู่อย่างนี้ในอิริยาบถ 4 ฐานะ 7"
  
 '''​จบสัมปชัญญบรรพ'''​ '''​จบสัมปชัญญบรรพ'''​