**นี่คือเอกสารรุ่น/ฉบับเก่า**
ชนเหล่าใด ขณะสนทนากันอยู่ ก็พูดจนผิดใจกัน, พูดกันจนฟุ้งซ่าน, พูดกันจนโอ้อวด, พูดกันจนเพ้อเจ้อ, พูดกันจนกระทบกระทั่งคุณธรรม ซึ่งเป็นการพูดที่พระอริยะไม่ทำกัน, พูดหาช่องเพ่งเรื่องผิดพลาดของกันและกัน.
และชนเหล่าใด ชอบใจคำพูดทุพภาษิตใด, ชอบใจคำพูดพลั้งพลาดใด, ชอบใจคำพูดหลงลืมใด, ชอบใจความพ่ายแพ้ของกันและกันใด, พระอริยะไม่พูดคำพูดเหล่านั้นในแบบของชนเหล่านั้นเลย. 1)
แต่เมื่อบัณฑิตประสงค์จะพูด ก็รู้จักกาล(กาลเทศะเป็นต้นในสัปปุริสธรรม 7)อันเหมาะสมแล้ว ควรมีความรู้ ไม่โกรธ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่โอ้อวด ไม่ใจเบาหุนหันพลันแล่น ไม่คอยจับผิด พูดแต่เรื่องที่เกี่ยวกับบุคคลผู้ดำรงอยู่ในธรรม เป็นเรื่องที่พระอริยะประพฤติกันมา เพราะรู้ทั่วถึงโดยชอบ เขาไม่พูดริษยา บุคคลควรชื่นชมถ้อยคำที่เป็นสุภาษิต ไม่ควรเลื่อมใสถ้อยคำที่เป็นทุพภาษิต ไม่ควรใส่ใจถึงความแข่งดี และไม่ควรคอยจับผิด ไม่ควรพูดทับถม ไม่ควรพูดย่ำยี ไม่ควรพูดเหลาะแหละ เพื่อความรู้ เพื่อความเลื่อมใส สัตบุรุษทั้งหลายจึงมีการปรึกษากัน พระอริยะทั้งหลายย่อมปรึกษากันเช่นนั้นแล นี้เป็นการปรึกษากันของพระอริยะทั้งหลาย บุคคลผู้มีปัญญารู้เรื่องนี้แล้ว ไม่ควรถือตัว ควรปรึกษากัน