ปฏิสัมภิทามรรค_21-30_ปัญญาวรรค

ความแตกต่าง

นี่เป็นการแสดงความแตกต่างระหว่างเพจสองรุ่น

Link to this comparison view

Next revision
Previous revision
ปฏิสัมภิทามรรค_21-30_ปัญญาวรรค [2020/06/27 22:24]
127.0.0.1 แก้ไขภายนอก
ปฏิสัมภิทามรรค_21-30_ปัญญาวรรค [2021/01/02 20:14] (ฉบับปัจจุบัน)
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
-{{wst>ปฏิสัมภิทามรรค head}}{{wst>ฏิัมภิทามรรค sidebar}}+{{template:ปฏิสัมภิทามรรค head}}{{template:​ฉบับรับำนวน head|}}
  
-=ปัญญาวรรค ​มหาปัญญากถา=+=มหาปัญญากถา=
  
 [659] อนิจจานุปัสสนาที่บุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมยังปัญญาอย่างไหนให้บริบูรณ์ ทุกขานุปัสสนา ... อนัตตานุปัสสนา ... นิพพิทานุปัสสนา...วิราคานุปัสสนา ... นิโรธานุปัสสนา ... ปฏินิสสัคคานุปัสสนาที่บุคคลเจริญแล้วทำให้มากแล้ว ย่อมยังปัญญาอย่างไหนให้บริบูรณ์ ฯ [659] อนิจจานุปัสสนาที่บุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมยังปัญญาอย่างไหนให้บริบูรณ์ ทุกขานุปัสสนา ... อนัตตานุปัสสนา ... นิพพิทานุปัสสนา...วิราคานุปัสสนา ... นิโรธานุปัสสนา ... ปฏินิสสัคคานุปัสสนาที่บุคคลเจริญแล้วทำให้มากแล้ว ย่อมยังปัญญาอย่างไหนให้บริบูรณ์ ฯ
บรรทัด 99: บรรทัด 99:
 ______ ______
  
-=ปัญญาวรรค ​อิทธิกถา=+=อิทธิกถา=
  
 [679] ฤทธิ์เป็นอย่างไร ฤทธิ์มีเท่าไร ภูมิ บาท บท มูล แห่งฤทธิ์ มีอย่างละเท่าไร ฯ [679] ฤทธิ์เป็นอย่างไร ฤทธิ์มีเท่าไร ภูมิ บาท บท มูล แห่งฤทธิ์ มีอย่างละเท่าไร ฯ
บรรทัด 215: บรรทัด 215:
 ______ ______
  
-=ปัญญาวรรค ​อภิสมยกถา=+=อภิสมยกถา=
  
 [695] คำว่า ความตรัสรู้ ความว่า ย่อมตรัสรู้ด้วยอะไร ย่อมตรัสรู้ด้วยจิต ย่อมตรัสรู้ด้วยจิตหรือ ถ้าอย่างนั้น บุคคลผู้ไม่มีญาณก็ตรัสรู้ได้ซิ บุคคลผู้ไม่มีญาณตรัสรู้ไม่ได้ ย่อมตรัสรู้ได้ด้วยญาณ ย่อมตรัสรู้ด้วยญาณหรือถ้าอย่างนั้น บุคคลผู้ไม่มีจิตก็ตรัสรู้ได้ซิ บุคคลผู้ไม่มีจิตก็ตรัสรู้ไม่ได้ ย่อมตรัสรู้ได้ด้วยจิตและญาณ ย่อมตรัสรู้ได้ด้วยจิตและญาณหรือ ถ้าอย่างนั้น ก็ตรัสรู้ได้ด้วยกามาวจรจิตและญาณซิ ย่อมตรัสรู้ด้วยกามาวจรจิตและญาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ตรัสรู้ได้ด้วยรูปาวจรจิตและญาณซิ ตรัสรู้ด้วยรูปาวจรจิตและญาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ก็ตรัสรู้ได้ด้วยอรูปาวจรจิตและญาณซิ ตรัสรู้ด้วยอรูปาวจรจิตและญาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ก็ตรัสรู้ได้ด้วยกัมมัสสกตาจิตและญาณซิ ตรัสรู้ด้วยกัมมัสสกตาจิตและญาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ก็ตรัสรู้ได้ด้วยสัจจานุโลมิกจิตและญาณซิ ตรัสรู้ด้วยสัจจานุโลมิกจิตและญาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ก็ตรัสรู้ได้ด้วยจิตที่เป็นอดีตและญาณซิ ตรัสรู้ด้วยจิตที่เป็นอดีตและญาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ตรัสรู้ได้ด้วยจิตที่เป็นอนาคตและญาณซิ ตรัสรู้ด้วยจิตที่เป็นอนาคตและญาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ก็ตรัสรู้ได้ด้วยจิตที่เป็นปัจจุบันและญาณซิ ตรัสรู้ด้วยจิตที่เป็นปัจจุบันและญาณไม่ได้ (แต่) ตรัสรู้ได้ด้วยจิตที่เป็นปัจจุบันและญาณในขณะโลกุตรมรรค ฯ [695] คำว่า ความตรัสรู้ ความว่า ย่อมตรัสรู้ด้วยอะไร ย่อมตรัสรู้ด้วยจิต ย่อมตรัสรู้ด้วยจิตหรือ ถ้าอย่างนั้น บุคคลผู้ไม่มีญาณก็ตรัสรู้ได้ซิ บุคคลผู้ไม่มีญาณตรัสรู้ไม่ได้ ย่อมตรัสรู้ได้ด้วยญาณ ย่อมตรัสรู้ด้วยญาณหรือถ้าอย่างนั้น บุคคลผู้ไม่มีจิตก็ตรัสรู้ได้ซิ บุคคลผู้ไม่มีจิตก็ตรัสรู้ไม่ได้ ย่อมตรัสรู้ได้ด้วยจิตและญาณ ย่อมตรัสรู้ได้ด้วยจิตและญาณหรือ ถ้าอย่างนั้น ก็ตรัสรู้ได้ด้วยกามาวจรจิตและญาณซิ ย่อมตรัสรู้ด้วยกามาวจรจิตและญาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ตรัสรู้ได้ด้วยรูปาวจรจิตและญาณซิ ตรัสรู้ด้วยรูปาวจรจิตและญาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ก็ตรัสรู้ได้ด้วยอรูปาวจรจิตและญาณซิ ตรัสรู้ด้วยอรูปาวจรจิตและญาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ก็ตรัสรู้ได้ด้วยกัมมัสสกตาจิตและญาณซิ ตรัสรู้ด้วยกัมมัสสกตาจิตและญาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ก็ตรัสรู้ได้ด้วยสัจจานุโลมิกจิตและญาณซิ ตรัสรู้ด้วยสัจจานุโลมิกจิตและญาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ก็ตรัสรู้ได้ด้วยจิตที่เป็นอดีตและญาณซิ ตรัสรู้ด้วยจิตที่เป็นอดีตและญาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ตรัสรู้ได้ด้วยจิตที่เป็นอนาคตและญาณซิ ตรัสรู้ด้วยจิตที่เป็นอนาคตและญาณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ก็ตรัสรู้ได้ด้วยจิตที่เป็นปัจจุบันและญาณซิ ตรัสรู้ด้วยจิตที่เป็นปัจจุบันและญาณไม่ได้ (แต่) ตรัสรู้ได้ด้วยจิตที่เป็นปัจจุบันและญาณในขณะโลกุตรมรรค ฯ
บรรทัด 253: บรรทัด 253:
 ______ ______
  
-=ปัญญาวรรค ​วิเวกกถา=+=วิเวกกถา=
 =สาวัตถีนิทาน= =สาวัตถีนิทาน=
  
บรรทัด 326: บรรทัด 326:
 ______ ______
  
-=ปัญญาวรรค ​จริยากถา=+=จริยากถา=
  
 [715] จริยา ในคำว่า จริยา นี้ มี 8 คือ อิริยาปถจริยา 1 อายตนจริยา 1 สติจริยา 1สมาธิจริยา 1 ญาณจริยา 1 มรรคจริยา 1ปัตติจริยา 1 โลกัตถจริยา 1 ฯ [715] จริยา ในคำว่า จริยา นี้ มี 8 คือ อิริยาปถจริยา 1 อายตนจริยา 1 สติจริยา 1สมาธิจริยา 1 ญาณจริยา 1 มรรคจริยา 1ปัตติจริยา 1 โลกัตถจริยา 1 ฯ
บรรทัด 340: บรรทัด 340:
 ______ ______
  
-=ปัญญาวรรค ​ปาฏิหาริยกถา=+=ปาฏิหาริยกถา=
  
 [718] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปาฏิหาริย์ 3 ประการนี้ 3 ประการเป็นไฉน คืออิทธิปาฏิหาริย์ 1 อาเทศนาปฏิหาริย์ 1 อนุศาสนีปาฏิหาริย์ 1 ฯ [718] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปาฏิหาริย์ 3 ประการนี้ 3 ประการเป็นไฉน คืออิทธิปาฏิหาริย์ 1 อาเทศนาปฏิหาริย์ 1 อนุศาสนีปาฏิหาริย์ 1 ฯ
บรรทัด 372: บรรทัด 372:
 ______ ______
  
-=ปัญญาวรรค ​สมสีสกถา=+=สมสีสกถา=
  
 [723] ปัญญา ในความไม่ปรากฏแห่งธรรม ทั้งปวงในสัมมา สมุจเฉทและในนิโรธ เป็นญาณในความว่าสมธรรมและสีสธรรม ฯ [723] ปัญญา ในความไม่ปรากฏแห่งธรรม ทั้งปวงในสัมมา สมุจเฉทและในนิโรธ เป็นญาณในความว่าสมธรรมและสีสธรรม ฯ
บรรทัด 392: บรรทัด 392:
 ______ ______
  
-=ปัญญาวรรค ​สติปัฏฐานกถา=+=สติปัฏฐานกถา=
  
 สาวัตถีนิทานบริบูรณ์ สาวัตถีนิทานบริบูรณ์
บรรทัด 432: บรรทัด 432:
 ________ ________
  
-=ปัญญาวรรค ​วิปัสสนากถา=+=วิปัสสนากถา=
  
 สาวัตถีนิทานบริบูรณ์ สาวัตถีนิทานบริบูรณ์
บรรทัด 464: บรรทัด 464:
 ________ ________
  
-=ปัญญาวรรค ​มาติกากถา=+=มาติกากถา=
  
 [737] บุคคลผู้ไม่มีความหิว ย่อมหลุดพ้น เพราะเหตุนั้น ความหลุดพ้น เป็นวิโมกข์ วิชชาวิมุติ อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ปัสสัทธิ ญาณทัสนะ สุทธิ เนกขัมมะนิสสรณะ ปวิเวก โวสัคคะ จริยา ฌานวิโมกข์ภาวนาธิษฐานชีวิต ฯ [737] บุคคลผู้ไม่มีความหิว ย่อมหลุดพ้น เพราะเหตุนั้น ความหลุดพ้น เป็นวิโมกข์ วิชชาวิมุติ อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ปัสสัทธิ ญาณทัสนะ สุทธิ เนกขัมมะนิสสรณะ ปวิเวก โวสัคคะ จริยา ฌานวิโมกข์ภาวนาธิษฐานชีวิต ฯ