การแก้ไขก่อนหน้าทั้งสองฝั่ง การแก้ไขก่อนหน้า การแก้ไขถัดไป | การแก้ไขก่อนหน้า |
ปฏิสัมภิทามรรค_03_มหาวรรค [2024/10/13 01:36] – [ทุติยจฺฉกฺกํ] dhamma | ปฏิสัมภิทามรรค_03_มหาวรรค [2025/01/23 11:55] (ฉบับปัจจุบัน) – [ปริกมฺมนิทฺเทโส] dhamma |
---|
==ทุติยจฺฉกฺกํ== | ==ทุติยจฺฉกฺกํ== |
| |
[367] เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึง[sutta>นิมิตฺ(th.r.104.418)]] [คือ กลุ่มกายปสาทะที่ลมกระทบอยู่] จิตกวัดแกว่งอยู่ที่ลมหายใจออก นี้เป็นอันตรายแก่สมาธิ เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงลมหายใจออก จิตกวัดแกว่งอยู่ที่นิมิต นี้เป็นอันตรายแก่สมาธิเมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงนิมิตจิตกวัดแกว่งอยู่ที่ลมหายใจเข้า นี้เป็นอันตรายแก่สมาธิ เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงลมหายใจเข้า จิตกวัดแกว่งอยู่ที่นิมิต นี้เป็นอันตรายแก่สมาธิ เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงลมหายใจออก จิตกวัดแกว่งอยู่ที่ลมหายใจเข้า นี้เป็นอันตรายแก่สมาธิ เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงลมหายใจเข้า จิตแกว่งอยู่ที่ลมหายใจออกนี้เป็นอันตรายแก่สมาธิ ฯ | [367] เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึง[[sutta>นิมิตฺ(th.r.104.418)]] [คือ กลุ่มกายปสาทะที่ลมกระทบอยู่] จิตกวัดแกว่งอยู่ที่ลมหายใจออก นี้เป็นอันตรายแก่สมาธิ เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงลมหายใจออก จิตกวัดแกว่งอยู่ที่นิมิต นี้เป็นอันตรายแก่สมาธิเมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงนิมิตจิตกวัดแกว่งอยู่ที่ลมหายใจเข้า นี้เป็นอันตรายแก่สมาธิ เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงลมหายใจเข้า จิตกวัดแกว่งอยู่ที่นิมิต นี้เป็นอันตรายแก่สมาธิ เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงลมหายใจออก จิตกวัดแกว่งอยู่ที่ลมหายใจเข้า นี้เป็นอันตรายแก่สมาธิ เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงลมหายใจเข้า จิตแกว่งอยู่ที่ลมหายใจออกนี้เป็นอันตรายแก่สมาธิ ฯ |
เมื่อคำนึงถึงนิมิต ใจกวัดแกว่งอยู่ที่ลมหายใจออก เมื่อ | เมื่อคำนึงถึงนิมิต ใจกวัดแกว่งอยู่ที่ลมหายใจออก เมื่อ |
คำนึงถึงลมหายใจออก จิตกวัดแกว่งอยู่ที่นิมิต เมื่อคำนึง | คำนึงถึงลมหายใจออก จิตกวัดแกว่งอยู่ที่นิมิต เมื่อคำนึง |
| |
[384] ธรรม 3 ประการนี้ ไม่เป็นอารมณ์แห่งจิตดวงเดียว เป็นธรรมไม่ปรากฏ จิตไม่ถึงความฟุ้งซ่าน จิตปรากฏเป็นประธาน จิตให้ประโยคสำเร็จและบรรลุผลวิเศษอย่างไร ฯ | [384] ธรรม 3 ประการนี้ ไม่เป็นอารมณ์แห่งจิตดวงเดียว เป็นธรรมไม่ปรากฏ จิตไม่ถึงความฟุ้งซ่าน จิตปรากฏเป็นประธาน จิตให้ประโยคสำเร็จและบรรลุผลวิเศษอย่างไร ฯ |
| |
| [อย่างไรจึงเรียกว่า "ธรรม 3 ประการนี้ ไม่เป็นอารมณ์แห่งจิตดวงเดียวด้วย, และธรรม 3 นี้ถูกผู้ฉลาดกำหนดอยู่ด้วย (จิตรู้บัญญัติลมเป็นอารมณ์ แต่ปัญญาญาณที่เกิดพร้อมกับจิตก็ไม่ได้หลงลืมธรรม 3 นี้, ดูศัพท์ว่าอธิคม ในอภิสมยกถาประกอบ), จิตไม่ได้ฟุ้งซ่านด้วย, ปธาน คือ ความเพียรแห่งจิตปรากฎชัดด้วย, จิตผู้มีความเพียรย่อมยังปโยคะให้สำเร็จด้วย, และจิตผู้มีความเพียรย่อมบรรลุผลวิเศษด้วย"ฯ] |
| |
เปรียบเหมือนต้นไม้ที่เขาวางไว้ ณ ภาคพื้นที่เรียบ บุรุษเอาเลื่อยเลื่อยต้นไม้นั้น สติของบุรุษย่อมเข้าไปตั้งอยู่ด้วยสามารถแห่งฟันเลื่อยซึ่งถูกที่ต้นไม้บุรุษนั้นไม่ได้ใส่ใจถึงฟันเลื่อยที่มาหรือที่ไป ฟันเลื่อยที่มาหรือที่ไปไม่ปรากฏก็หามิได้ จิตปรากฏเป็นประธาน จิตให้ประโยคสำเร็จและบรรลุผลวิเศษความเนื่องกันเป็นนิมิต เหมือนต้นไม้ที่เขาวางไว้ ณ ภาคพื้นที่เรียบ ลมอัสสาสปัสสาสะ เหมือนฟันเลื่อย ภิกษุนั่งตั้งสติไว้มั่นที่ปลายจมูกหรือที่ริมฝีปากไม่ได้ใส่ใจถึงลมอัสสาสปัสสาสะออกหรือเข้าลมอัสสาสปัสสาสะออกหรือเข้าจะไม่ปรากฏก็หามิได้ จิตปรากฏเป็นประธาน จิตให้ประโยคสำเร็จ และบรรลุถึงผลวิเศษ เหมือนบุรุษตั้งสติไว้ด้วยสามารถฟันเลื่อยอันถูกที่ต้นไม้เขาไม่ได้ใส่ใจถึงฟันเลื่อยที่มาหรือที่ไป ฟันเลื่อยที่มาหรือที่ไปจะไม่ปรากฏก็หามิได้ จิตปรากฏเป็นประธาน จิตให้ประโยคสำเร็จ และบรรลุถึงผลวิเศษ ฉะนั้น ฯ | เปรียบเหมือนต้นไม้ที่เขาวางไว้ ณ ภาคพื้นที่เรียบ บุรุษเอาเลื่อยเลื่อยต้นไม้นั้น สติของบุรุษย่อมเข้าไปตั้งอยู่ด้วยสามารถแห่งฟันเลื่อยซึ่งถูกที่ต้นไม้บุรุษนั้นไม่ได้ใส่ใจถึงฟันเลื่อยที่มาหรือที่ไป ฟันเลื่อยที่มาหรือที่ไปไม่ปรากฏก็หามิได้ จิตปรากฏเป็นประธาน จิตให้ประโยคสำเร็จและบรรลุผลวิเศษความเนื่องกันเป็นนิมิต เหมือนต้นไม้ที่เขาวางไว้ ณ ภาคพื้นที่เรียบ ลมอัสสาสปัสสาสะ เหมือนฟันเลื่อย ภิกษุนั่งตั้งสติไว้มั่นที่ปลายจมูกหรือที่ริมฝีปากไม่ได้ใส่ใจถึงลมอัสสาสปัสสาสะออกหรือเข้าลมอัสสาสปัสสาสะออกหรือเข้าจะไม่ปรากฏก็หามิได้ จิตปรากฏเป็นประธาน จิตให้ประโยคสำเร็จ และบรรลุถึงผลวิเศษ เหมือนบุรุษตั้งสติไว้ด้วยสามารถฟันเลื่อยอันถูกที่ต้นไม้เขาไม่ได้ใส่ใจถึงฟันเลื่อยที่มาหรือที่ไป ฟันเลื่อยที่มาหรือที่ไปจะไม่ปรากฏก็หามิได้ จิตปรากฏเป็นประธาน จิตให้ประโยคสำเร็จ และบรรลุถึงผลวิเศษ ฉะนั้น ฯ |
ศัพท์ว่า ปริ ในคำว่า ปริมุขํ สตึ อุปฏฺฐเปตฺวา มีความกำหนดถือ เอาเป็นอรรถศัพท์ว่า มุขํ มีความนำออกเป็นอรรถ ศัพท์ว่า สติ มีความเข้าไปตั้งไว้เป็นอรรถ เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ตั้งสติไว้เฉพาะหน้า ฯ | ศัพท์ว่า ปริ ในคำว่า ปริมุขํ สตึ อุปฏฺฐเปตฺวา มีความกำหนดถือ เอาเป็นอรรถศัพท์ว่า มุขํ มีความนำออกเป็นอรรถ ศัพท์ว่า สติ มีความเข้าไปตั้งไว้เป็นอรรถ เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ตั้งสติไว้เฉพาะหน้า ฯ |
| |
[389] คำว่า เป็นผู้มีสติหายใจออก ความว่า ภิกษุอบรมสติโดยอาการ 32 คือภิกษุเป็นผู้ตั้งสติมั่นเพราะรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่านด้วยสามารถลมหายใจออกยาว ชื่อว่าเป็นผู้อบรมสติด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้นเป็นผู้ตั้งสติไว้มั่น เพราะรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียวไม่ฟุ้งซ่านด้วยสามารถลมหายใจเข้ายาว ... เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่นเพราะรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่านด้วยสามารถลมหายใจออกสั้น ... เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่น เพราะรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยสามารถลมหายใจเข้าสั้น ชื่อว่าเป็นผู้อบรมสติด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น ฯลฯ เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่นเพราะรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยสามารถความเป็นผู้พิจารณาเห็นความสละคืนหายใจออก ... เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่นเพราะรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยสามารถความเป็นผู้พิจารณาเห็นความสละคืนหายใจออก ... เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่นเพราะรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยสามารถความเป็นผู้พิจารณาเห็นความสละคืนหายใจออกชื่อว่าเป็นผู้อบรมสติด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น ฯ | [389] คำว่า เป็นผู้มีสติหายใจออก ความว่า ภิกษุมีสติโดยอาการ 32 กระทำ (ด้วยสัมปชัญญะ) อยู่ คือ |
| |
| ภิกษุเป็นผู้ตั้งสติไว้มั่น เพราะรู้ชัดสภาพของจิตที่ไม่ฟุ้งซ่านมีอารมณ์เดียวคือลมหายใจออกยาว ด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น ภิกษุจึงชื่อว่า เป็นผู้มีสติ กระทำ (ด้วยญาณ) อยู่ |
| เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่น เพราะรู้ชัดสภาพของจิตที่ไม่ฟุ้งซ่านมีอารมณ์เดียวคือลมหายใจเข้ายาว ... |
| เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่น เพราะรู้ชัดสภาพของจิตที่ไม่ฟุ้งซ่านมีอารมณ์เดียวคือลมหายใจออกสั้น ... |
| เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่น เพราะรู้ชัดสภาพของจิตที่ไม่ฟุ้งซ่านมีอารมณ์เดียวคือลมหายใจเข้าสั้น ชื่อว่าเป็นผู้อบรมสติด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น ฯลฯ เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่นเพราะรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยสามารถความเป็นผู้พิจารณาเห็นความสละคืนหายใจออก ... เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่นเพราะรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยสามารถความเป็นผู้พิจารณาเห็นความสละคืนหายใจออก ... เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่นเพราะรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยสามารถความเป็นผู้พิจารณาเห็นความสละคืนหายใจออกชื่อว่าเป็นผู้อบรมสติด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น ฯ |
| |
===ปฐมจตุกฺกนิทฺเทโส=== | ===ปฐมจตุกฺกนิทฺเทโส=== |