ความแตกต่าง
นี่เป็นการแสดงความแตกต่างระหว่างเพจสองรุ่น
การแก้ไขก่อนหน้าทั้งสองฝั่ง การแก้ไขก่อนหน้า การแก้ไขถัดไป | การแก้ไขก่อนหน้า | ||
ปฏิสัมภิทามรรค_03_มหาวรรค [2022/06/16 14:04] – [โสฬสญาณนิทฺเทโส] dhamma | ปฏิสัมภิทามรรค_03_มหาวรรค [2025/01/23 11:55] (ฉบับปัจจุบัน) – [ปริกมฺมนิทฺเทโส] dhamma | ||
---|---|---|---|
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{template: | {{template: | ||
+ | < | ||
''' | ''' | ||
=คณนวาโร= | =คณนวาโร= | ||
บรรทัด 34: | บรรทัด 35: | ||
จิตที่พัฒนาขึ้น จิตที่พัฒนาถูกตรงขึ้น ย่อมดำรงอยู่ในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (สำนวนไทยคือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน) และย่อมหมดจดจากนิวรณ์ ด้วยอาการ 16 เหล่านี้ ฯ | จิตที่พัฒนาขึ้น จิตที่พัฒนาถูกตรงขึ้น ย่อมดำรงอยู่ในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (สำนวนไทยคือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน) และย่อมหมดจดจากนิวรณ์ ด้วยอาการ 16 เหล่านี้ ฯ | ||
- | [364] กุศลธรรมทั้งหลายที่ยังจิตให้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันเหล่านั้นเป็นไฉน ฯ | + | [364] กุศลธรรมทั้งหลายที่ยังจิตให้พัฒนาถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันเหล่านั้นเป็นไฉน ฯ |
# เนกขัมมะเป็นหนึ่งเดียวกัน(กับกุศลธรรมอื่นๆ ที่เกิดร่วม) | # เนกขัมมะเป็นหนึ่งเดียวกัน(กับกุศลธรรมอื่นๆ ที่เกิดร่วม) | ||
# ความไม่พยาบาทเป็นหนึ่งเดียวกัน(กับกุศลธรรมอื่นๆ ที่เกิดร่วม) | # ความไม่พยาบาทเป็นหนึ่งเดียวกัน(กับกุศลธรรมอื่นๆ ที่เกิดร่วม) | ||
- | # รายการที่เรียงลำดับแล้วอาโลกสัญญาเป็นหนึ่งเดียวกัน(กับกุศลธรรมอื่นๆ ที่เกิดร่วม) | + | # อาโลกสัญญาเป็นหนึ่งเดียวกัน(กับกุศลธรรมอื่นๆ ที่เกิดร่วม) |
# ความไม่ฟุ้งซ่านเป็นหนึ่งเดียวกัน(กับกุศลธรรมอื่นๆ ที่เกิดร่วม) | # ความไม่ฟุ้งซ่านเป็นหนึ่งเดียวกัน(กับกุศลธรรมอื่นๆ ที่เกิดร่วม) | ||
# ความแยกกำหนดธรรมเป็นหนึ่งเดียวกัน(กับกุศลธรรมอื่นๆ ที่เกิดร่วม) | # ความแยกกำหนดธรรมเป็นหนึ่งเดียวกัน(กับกุศลธรรมอื่นๆ ที่เกิดร่วม) | ||
บรรทัด 47: | บรรทัด 48: | ||
นิวรณ์นั้นเป็นไฉน? | นิวรณ์นั้นเป็นไฉน? | ||
- | กามฉันทะ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะวิจิกิจฉา อวิชชาอรติ อกุศลธรรมทั้งปวง เป็นนิวรณ์ (แต่ละอย่าง) ฯ | + | กามฉันทะ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ วิจิกิจฉา อวิชชา อรติ อกุศลธรรมทั้งปวง เป็นนิวรณ์ (แต่ละอย่าง) ฯ |
- | [365] คำว่า นีวรณา ความว่า ชื่อว่านิวรณ์เพราะอรรถว่ากระไร? | + | [365] คำว่า นีวรณา ความว่า ชื่อว่า นิวรณ์ เพราะอรรถว่ากระไร? |
- | ชื่อว่านิวรณ์เพราะอรรถว่าเป็นเครื่องกั้นธรรมเครื่องนำออก ฯ | + | ชื่อว่า |
- | ธรรมเครื่องนำออกเป็นไฉน? | + | ชื่อว่า ''' |
- | # เนกขัมมะเป็นธรรมเครื่องนำออกของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย | + | # เนกขัมมะเป็นนิยฺยานของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย |
- | # และพระอริยเจ้าทั้งหลายย่อมนำออกด้วยเนกขัมมะนั้น | + | # กามฉันทะเป็นนิยฺยานาวรณ |
- | # กามฉันทะเป็นเครื่องกั้นธรรมเครื่องนำออก | + | # ความไม่พยาบาทเป็นนิยฺยานของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย |
- | # และบุคคลไม่รู้มีปัญญารู้เนกขัมมะอันเป็นธรรมเครื่องนำออกของพระอริยเจ้าทั้งหลาย | + | # ความพยาบาทเป็นนิยฺยานาวรณ และเพราะจิตถูกความพยาบาทนั้นขวางกั้นไว้ จิตจึงไม่มีปัญญารู้ความไม่พยาบาทว่าเป็นนิยฺยานาวรณของพระอริยเจ้าทั้งหลาย |
- | # ความไม่พยาบาทเป็นธรรมเครื่องนำออกของพระอริยเจ้าทั้งหลาย | + | # อาโลกสัญญาเป็นนิยฺยานของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย |
- | # ความพยาบาทเป็นเครื่องกั้นธรรมเครื่องนำออก และบุคคลไม่รู้จักความไม่พยาบาทอันเป็นธรรมเครื่องนำออกของพระอริยเจ้าทั้งหลาย | + | # ถีนมิทธะเป็นนิยฺยานาวรณ และเพราะจิตถูกถีนมิทธะนั้นขวางกั้นไว้ จิตจึงไม่มีปัญญารู้ถีนมิทธะว่าเป็นนิยฺยานาวรณของพระอริยเจ้าทั้งหลาย |
- | # อาโลกสัญญาเป็นธรรมเครื่องนำออกของพระอริยเจ้าทั้งหลาย | + | # ความไม่ฟุ้งซ่านเป็นนิยฺยานของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย |
- | # ถีนมิทธะเป็นเครื่องกั้นธรรมเครื่องนำออก และบุคคลย่อมไม่รู้จักอาโลกสัญญาอันเป็นธรรมเครื่องนำออกของพระอริยเจ้าทั้งหลาย | + | # อุทธัจจะเป็นนิยฺยานาวรณ และเพราะจิตถูกอุทธัจจะนั้นขวางกั้นไว้ จิตจึงไม่มีปัญญารู้อุทธัจจะว่าเป็นนิยฺยานาวรณของพระอริยเจ้าทั้งหลาย |
- | # ความไม่ฟุ้งซ่านเป็นธรรมเครื่องนำออกของพระอริยเจ้าทั้งหลาย | + | # การแยกกำหนดธรรมเป็นนิยฺยานของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย |
- | # อุทธัจจะเป็นเครื่องกั้นธรรมเครื่องนำออก และบุคคลย่อมไม่รู้จักความไม่ฟุ้งซ่านอันเป็นธรรมเครื่องนำออกของพระอริยเจ้าทั้งหลาย | + | # วิจิกิจฉาเป็นนิยฺยานาวรณ และเพราะจิตถูกวิจิกิจฉานั้นขวางกั้นไว้ จิตจึงไม่มีปัญญารู้วิจิกิจฉาว่าเป็นนิยฺยานาวรณของพระอริยเจ้าทั้งหลาย |
- | # การแยกกำหนดธรรมเป็นธรรมเครื่องนำออกของพระอริยเจ้าทั้งหลาย | + | # ญาณเป็นนิยฺยานของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย |
- | # วิจิกิจฉาเป็นเครื่องกั้นธรรมเครื่องนำออก และบุคคลย่อมไม่รู้จักการกำหนดธรรมอันเป็นเครื่องนำออกของพระอริยเจ้าทั้งหลายเพราะเป็นผู้ถูกวิจิกิจฉานั้นกั้นไว้ เพราะเหตุนั้นวิจิกิจฉาจึงชื่อว่าเป็นเครื่องกั้นธรรมเครื่องนำออก | + | # อวิชชาเป็นนิยฺยานาวรณ และเพราะจิตถูกอวิชชานั้นขวางกั้นไว้ จิตจึงไม่มีปัญญารู้อวิชชาว่าเป็นนิยฺยานาวรณของพระอริยเจ้าทั้งหลาย |
- | # ญาณเป็นธรรมเครื่องนำออกของพระอริยเจ้าทั้งหลาย | + | # ความปราโมทย์เป็นนิยฺยานของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย |
- | # อวิชชาเป็นเครื่องกั้นธรรมเครื่องนำออกและบุคคลย่อมไม่รู้จักญาณอันเป็นธรรมเครื่องนำออกของพระอริยเจ้าทั้งหลาย | + | # อรติเป็นนิยฺยานาวรณ และเพราะจิตถูกอรตินั้นขวางกั้นไว้ จิตจึงไม่มีปัญญารู้อรติว่าเป็นนิยฺยานาวรณของพระอริยเจ้าทั้งหลาย |
- | # ความปราโมทย์เป็นธรรมเครื่องนำออกของพระอริยเจ้าทั้งหลาย | + | # กุศลธรรมแม้ทั้งปวงก็เป็นนิยฺยานของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย |
- | # อรติเป็นเครื่องกั้นธรรมเครื่องนำออก และบุคคลย่อมไม่รู้จักความปราโมทย์อันเป็นธรรมเครื่องนำออกของพระอริยเจ้าทั้งหลาย | + | # อกุศลธรรมแม้ทั้งปวงก็เป็นนิยฺยานาวรณ และเพราะจิตถูกอกุศลธรรมนั้นขวางกั้นไว้ จิตจึงไม่มีปัญญารู้อกุศลธรรมว่าเป็นนิยฺยานาวรณของพระอริยเจ้าทั้งหลาย |
- | # กุศลธรรมแม้ทั้งปวงก็เป็นธรรมเครื่องนำออกของพระอริยเจ้าทั้งหลายและพระอริยเจ้าทั้งหลายย่อมนำออกด้วยกุศลธรรมเหล่านั้น | + | |
- | # อกุศลธรรมแม้ทั้งปวงก็เป็นเครื่องกั้นธรรมเครื่องนำออก และบุคคลย่อมไม่รู้จักกุศลธรรมอันเป็นธรรมเครื่องนำออกของพระอริยเจ้าทั้งหลาย | + | |
และเมื่อพระโยคาวจรเจริญสมาธิอันปฏิสังยุตด้วยอานาปานัสสติมีวัตถุ 16 จนมีจิตหมดจดจากนิวรณ์เหล่านี้แล้ว | และเมื่อพระโยคาวจรเจริญสมาธิอันปฏิสังยุตด้วยอานาปานัสสติมีวัตถุ 16 จนมีจิตหมดจดจากนิวรณ์เหล่านี้แล้ว | ||
+ | |||
=อุปกฺกิเลสญาณนิทฺเทโส= | =อุปกฺกิเลสญาณนิทฺเทโส= | ||
==ปฐมจฺฉกฺกํ== | ==ปฐมจฺฉกฺกํ== | ||
บรรทัด 91: | บรรทัด 91: | ||
==ทุติยจฺฉกฺกํ== | ==ทุติยจฺฉกฺกํ== | ||
- | [367] เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงนิมิต จิตกวัดแกว่งอยู่ที่ลมหายใจออก นี้เป็นอันตรายแก่สมาธิ เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงลมหายใจออก จิตกวัดแกว่งอยู่ที่นิมิต นี้เป็นอันตรายแก่สมาธิเมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงนิมิตจิตกวัดแกว่งอยู่ที่ลมหายใจเข้า นี้เป็นอันตรายแก่สมาธิ เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงลมหายใจเข้า จิตกวัดแกว่งอยู่ที่นิมิต นี้เป็นอันตรายแก่สมาธิ เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงลมหายใจออก จิตกวัดแกว่งอยู่ที่ลมหายใจเข้า นี้เป็นอันตรายแก่สมาธิ เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึงลมหายใจเข้า จิตแกว่งอยู่ที่ลมหายใจออกนี้เป็นอันตรายแก่สมาธิ ฯ | + | [367] เมื่อพระโยคาวจรคำนึงถึง[[sutta>นิมิตฺ(th.r.104.418)]] [คือ กลุ่มกายปสาทะที่ลมกระทบอยู่] |
| | ||
| | ||
บรรทัด 179: | บรรทัด 179: | ||
[384] ธรรม 3 ประการนี้ ไม่เป็นอารมณ์แห่งจิตดวงเดียว เป็นธรรมไม่ปรากฏ จิตไม่ถึงความฟุ้งซ่าน จิตปรากฏเป็นประธาน จิตให้ประโยคสำเร็จและบรรลุผลวิเศษอย่างไร ฯ | [384] ธรรม 3 ประการนี้ ไม่เป็นอารมณ์แห่งจิตดวงเดียว เป็นธรรมไม่ปรากฏ จิตไม่ถึงความฟุ้งซ่าน จิตปรากฏเป็นประธาน จิตให้ประโยคสำเร็จและบรรลุผลวิเศษอย่างไร ฯ | ||
+ | |||
+ | [อย่างไรจึงเรียกว่า " | ||
เปรียบเหมือนต้นไม้ที่เขาวางไว้ ณ ภาคพื้นที่เรียบ บุรุษเอาเลื่อยเลื่อยต้นไม้นั้น สติของบุรุษย่อมเข้าไปตั้งอยู่ด้วยสามารถแห่งฟันเลื่อยซึ่งถูกที่ต้นไม้บุรุษนั้นไม่ได้ใส่ใจถึงฟันเลื่อยที่มาหรือที่ไป | เปรียบเหมือนต้นไม้ที่เขาวางไว้ ณ ภาคพื้นที่เรียบ บุรุษเอาเลื่อยเลื่อยต้นไม้นั้น สติของบุรุษย่อมเข้าไปตั้งอยู่ด้วยสามารถแห่งฟันเลื่อยซึ่งถูกที่ต้นไม้บุรุษนั้นไม่ได้ใส่ใจถึงฟันเลื่อยที่มาหรือที่ไป | ||
บรรทัด 295: | บรรทัด 297: | ||
ศัพท์ว่า ปริ ในคำว่า ปริมุขํ สตึ อุปฏฺฐเปตฺวา มีความกำหนดถือ เอาเป็นอรรถศัพท์ว่า มุขํ มีความนำออกเป็นอรรถ ศัพท์ว่า สติ มีความเข้าไปตั้งไว้เป็นอรรถ เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ตั้งสติไว้เฉพาะหน้า ฯ | ศัพท์ว่า ปริ ในคำว่า ปริมุขํ สตึ อุปฏฺฐเปตฺวา มีความกำหนดถือ เอาเป็นอรรถศัพท์ว่า มุขํ มีความนำออกเป็นอรรถ ศัพท์ว่า สติ มีความเข้าไปตั้งไว้เป็นอรรถ เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ตั้งสติไว้เฉพาะหน้า ฯ | ||
- | [389] คำว่า เป็นผู้มีสติหายใจออก ความว่า ภิกษุอบรมสติโดยอาการ 32 คือภิกษุเป็นผู้ตั้งสติมั่นเพราะรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว | + | [389] คำว่า เป็นผู้มีสติหายใจออก ความว่า ภิกษุมีสติโดยอาการ 32 กระทำ (ด้วยสัมปชัญญะ) อยู่ |
+ | |||
+ | ภิกษุเป็นผู้ตั้งสติไว้มั่น เพราะรู้ชัดสภาพของจิตที่ไม่ฟุ้งซ่านมีอารมณ์เดียวคือลมหายใจออกยาว | ||
+ | เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่น เพราะรู้ชัดสภาพของจิตที่ไม่ฟุ้งซ่านมีอารมณ์เดียวคือลมหายใจเข้ายาว ... | ||
+ | เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่น เพราะรู้ชัดสภาพของจิตที่ไม่ฟุ้งซ่านมีอารมณ์เดียวคือลมหายใจออกสั้น ... | ||
+ | เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่น เพราะรู้ชัดสภาพของจิตที่ไม่ฟุ้งซ่านมีอารมณ์เดียวคือลมหายใจเข้าสั้น ชื่อว่าเป็นผู้อบรมสติด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น ฯลฯ เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่นเพราะรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยสามารถความเป็นผู้พิจารณาเห็นความสละคืนหายใจออก ... เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่นเพราะรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยสามารถความเป็นผู้พิจารณาเห็นความสละคืนหายใจออก ... เป็นผู้ตั้งสติไว้มั่นเพราะรู้ความที่จิตมีอารมณ์เดียว ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยสามารถความเป็นผู้พิจารณาเห็นความสละคืนหายใจออกชื่อว่าเป็นผู้อบรมสติด้วยสตินั้น ด้วยญาณนั้น ฯ | ||
===ปฐมจตุกฺกนิทฺเทโส=== | ===ปฐมจตุกฺกนิทฺเทโส=== |