ความแตกต่าง
นี่เป็นการแสดงความแตกต่างระหว่างเพจสองรุ่น
ที:สี:พรหมชาลสูตร [2021/05/30 04:03] – ถูกสร้าง dhamma | ที:สี:พรหมชาลสูตร [2021/05/30 04:21] (ฉบับปัจจุบัน) – dhamma | ||
---|---|---|---|
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
- | <webcode name=" | + | <html>< |
+ | |||
+ | [ฉบับมหาจุฬาฯ]</ | ||
<font color=darkblue> | <font color=darkblue> | ||
- | <TABLE width=92% align=center border=0 background="" | + | <center class=n> |
- | < | + | |
- | < | + | |
- | <DIV class=e>< | + | |
</ | </ | ||
</ | </ | ||
บรรทัด 11: | บรรทัด 10: | ||
</ | </ | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
- | | + | |
+ | [๑]<a name=1></ | ||
+ | </ | ||
พร้อมด้วยภิกษุหมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป แม้สุปปิยปริพาชก< | พร้อมด้วยภิกษุหมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป แม้สุปปิยปริพาชก< | ||
ระหว่างกรุงราชคฤห์กับเมืองนาลันทา พร้อมด้วยพรหมทัตมาณพผู้เป็นศิษย์เช่นเดียวกัน | ระหว่างกรุงราชคฤห์กับเมืองนาลันทา พร้อมด้วยพรหมทัตมาณพผู้เป็นศิษย์เช่นเดียวกัน | ||
บรรทัด 19: | บรรทัด 20: | ||
พุทธ พระธรรม พระสงฆ์หลายอย่าง อาจารย์กับศิษย์มีถ้อยคำขัดแย้งในลักษณะ | พุทธ พระธรรม พระสงฆ์หลายอย่าง อาจารย์กับศิษย์มีถ้อยคำขัดแย้งในลักษณะ | ||
ตรงกันข้ามอย่างนี้ขณะเดินตามหลังพระผู้มีพระภาคและภิกษุสงฆ์ไป | ตรงกันข้ามอย่างนี้ขณะเดินตามหลังพระผู้มีพระภาคและภิกษุสงฆ์ไป | ||
- | [๒]<a name=2></ | + | </ |
+ | |||
+ | [๒]<a name=2></ | ||
พระราชอุทยานอัมพลัฏฐิกาพร้อมกับภิกษุสงฆ์ แม้สุปปิยปริพาชกก็เข้าพักแรม ณ | พระราชอุทยานอัมพลัฏฐิกาพร้อมกับภิกษุสงฆ์ แม้สุปปิยปริพาชกก็เข้าพักแรม ณ | ||
พระตำหนักหลวงในพระราชอุทยานกับพรหมทัตมาณพเช่นเดียวกัน ณ ที่นั้น | พระตำหนักหลวงในพระราชอุทยานกับพรหมทัตมาณพเช่นเดียวกัน ณ ที่นั้น | ||
บรรทัด 25: | บรรทัด 28: | ||
พรหมทัตมาณพผู้เป็นศิษย์ของเขากลับกล่าวยกย่องพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ | พรหมทัตมาณพผู้เป็นศิษย์ของเขากลับกล่าวยกย่องพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ | ||
หลายอย่าง อาจารย์กับศิษย์มีถ้อยคำขัดแย้งในลักษณะตรงกันข้ามอย่างนี้ | หลายอย่าง อาจารย์กับศิษย์มีถ้อยคำขัดแย้งในลักษณะตรงกันข้ามอย่างนี้ | ||
- | <a name=p1attha></ | + | <a name=p1attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p2></ | + | <a name=p2></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop> | ||
+ | |||
+ | [๓]<a name=3></ | ||
ผู้มีอายุ น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏ พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้ทรงเห็นเป็นพระ | ผู้มีอายุ น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏ พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้ทรงเห็นเป็นพระ | ||
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงทราบว่าสัตว์มีอัธยาศัยต่างกัน ดังที่ | อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงทราบว่าสัตว์มีอัธยาศัยต่างกัน ดังที่ | ||
บรรทัด 39: | บรรทัด 46: | ||
หลายอย่าง อาจารย์กับศิษย์มีถ้อยคำขัดแย้งในลักษณะตรงกันข้ามขณะเดินตามหลัง | หลายอย่าง อาจารย์กับศิษย์มีถ้อยคำขัดแย้งในลักษณะตรงกันข้ามขณะเดินตามหลัง | ||
พระผู้มีพระภาคและภิกษุสงฆ์ไป” | พระผู้มีพระภาคและภิกษุสงฆ์ไป” | ||
- | [๔]<a name=4></ | + | </ |
+ | |||
+ | [๔]<a name=4></ | ||
เสด็จไปที่หอนั่ง ประทับนั่งบนพระพุทธอาสน์ที่ปูลาดไว้แล้วตรัสถามว่า “ภิกษุทั้งหลาย | เสด็จไปที่หอนั่ง ประทับนั่งบนพระพุทธอาสน์ที่ปูลาดไว้แล้วตรัสถามว่า “ภิกษุทั้งหลาย | ||
เวลานี้พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร พูดเรื่องอะไรค้างไว้” | เวลานี้พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร พูดเรื่องอะไรค้างไว้” | ||
- | เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้ ภิกษุเหล่านั้นจึงกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ | + | </ |
ผู้เจริญ เมื่อพวกข้าพระพุทธเจ้าลุกขึ้นเวลาใกล้รุ่งได้สนทนากันในหอนั่งว่า ‘ท่าน | ผู้เจริญ เมื่อพวกข้าพระพุทธเจ้าลุกขึ้นเวลาใกล้รุ่งได้สนทนากันในหอนั่งว่า ‘ท่าน | ||
ผู้มีอายุ น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏ พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้ทรงเห็นเป็นพระ | ผู้มีอายุ น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏ พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้ทรงเห็นเป็นพระ | ||
บรรทัด 52: | บรรทัด 61: | ||
พระผู้มีพระภาคเสด็จมาถึง พระพุทธเจ้าข้า” | พระผู้มีพระภาคเสด็จมาถึง พระพุทธเจ้าข้า” | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๕]<a name=5></ | ||
เรา กล่าวติเตียนพระธรรมหรือกล่าวติเตียนพระสงฆ์ก็ตาม พวกเธอไม่ควรผูก | เรา กล่าวติเตียนพระธรรมหรือกล่าวติเตียนพระสงฆ์ก็ตาม พวกเธอไม่ควรผูก | ||
อาฆาตแค้นเคืองขุ่นใจคนพวกนั้น ถ้าพวกเธอโกรธเคืองหรือไม่พอใจพวกเขา พวก | อาฆาตแค้นเคืองขุ่นใจคนพวกนั้น ถ้าพวกเธอโกรธเคืองหรือไม่พอใจพวกเขา พวก | ||
เธอก็จะประสบอันตราย< | เธอก็จะประสบอันตราย< | ||
พวกเขาพูดนั้นถูกหรือผิด” | พวกเขาพูดนั้นถูกหรือผิด” | ||
- | <a name=p2attha></ | + | <a name=p2attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p3></ | + | <a name=p3></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
- | | + | </p class=reftop></ |
+ | </p class=reftop></br> | ||
+ | </ | ||
เห็นชัดว่า ‘เรื่องนี้เป็นเรื่องไม่จริง ไม่ถูกต้อง ไม่มี และไม่ปรากฏในพวกเรา’ | เห็นชัดว่า ‘เรื่องนี้เป็นเรื่องไม่จริง ไม่ถูกต้อง ไม่มี และไม่ปรากฏในพวกเรา’ | ||
- | [๖]<a name=6></ | + | </ |
+ | |||
+ | [๖]<a name=6></ | ||
หรือกล่าวยกย่องพระสงฆ์ก็ตาม พวกเธอไม่ควรทำความรื่นเริงดีใจหรือกระหยิ่มใจ | หรือกล่าวยกย่องพระสงฆ์ก็ตาม พวกเธอไม่ควรทำความรื่นเริงดีใจหรือกระหยิ่มใจ | ||
ต่อคนพวกนั้น ถ้าพวกเธอทำความรื่นเริงดีใจหรือกระหยิ่มใจต่อพวกเขา พวกเธอ | ต่อคนพวกนั้น ถ้าพวกเธอทำความรื่นเริงดีใจหรือกระหยิ่มใจต่อพวกเขา พวกเธอ | ||
บรรทัด 74: | บรรทัด 89: | ||
และปรากฏในพวกเรา’ | และปรากฏในพวกเรา’ | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๗]<a name=7></ | ||
เล็กน้อย ต่ำต้อยเพียงเรื่องระดับศีลเท่านั้น คือ | เล็กน้อย ต่ำต้อยเพียงเรื่องระดับศีลเท่านั้น คือ | ||
- | [๘]<a name=8></ | + | </ |
- | ๑. พระสมณโคดมทรงละทรงเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑาวุธและ | + | |
- | ศัสตราวุธ มีความละอาย มีความเอ็นดู มุ่งหวังประโยชน์เกื้อกูลต่อ | + | [๘]<a name=8></ |
- | สรรพสัตว์อยู่ | + | </ |
- | ๒. พระสมณโคดมทรงละทรงเว้นขาดจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขา | + | </ |
- | ไม่ได้ให้ รับเอาแต่ของที่เขาให้ มุ่งหวังแต่ของที่เขาให้ ไม่ทรงเป็นขโมย | + | </ |
- | เป็นคนสะอาดอยู่ | + | </ |
- | ๓. พระสมณโคดมทรงละพฤติกรรมอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ ประพฤติ | + | </ |
- | พรหมจรรย์< | + | </ |
- | <a name=p3attha></ | + | </ |
+ | </ | ||
+ | <a name=p3attha></ | ||
< | < | ||
< | < | ||
บรรทัด 94: | บรรทัด 113: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p4></ | + | <a name=p4></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
- | ดำรงความสัตย์ มีถ้อยคำเป็นหลัก เชื่อถือได้ ไม่หลอกลวงชาวโลก | + | </p class=reftop></ |
- | ๕. พระสมณโคดมทรงละทรงเว้นขาดจากคำส่อเสียด คือ ฟังความจาก | + | </p class=reftop> |
- | ฝ่ายนี้แล้วไม่ไปบอกฝ่ายโน้นเพื่อทำลายฝ่ายนี้ หรือฟังความฝ่าย | + | |
- | โน้นแล้วไม่มาบอกฝ่ายนี้เพื่อทำลายฝ่ายโน้น สมานคนที่แตกกัน | + | [๙]<a name=9></ |
- | ส่งเสริมคนที่ปรองดองกัน ชื่นชมยินดีเพลิดเพลินต่อผู้ที่สามัคคีกัน | + | </ |
- | ตรัสแต่ ถ้อยคำที่สร้างสรรค์ความสามัคคี | + | </ |
- | ๖. พระสมณโคดมทรงละทรงเว้นขาดจากคำหยาบ คือ ตรัสแต่คำไม่มี | + | </ |
- | โทษ ไพเราะ น่ารัก จับใจ เป็นคำของชาวเมือง คนส่วนมาก | + | </ |
- | รักใคร่พอใจ | + | </ |
- | ๗. พระสมณโคดมทรงละทรงเว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ คือ ตรัสถูกเวลา | + | </ |
- | ตรัสคำจริง ตรัสอิงประโยชน์ ตรัสอิงธรรม ตรัสอิงวินัย ตรัสคำที่มี | + | </ |
- | หลักฐาน มีที่อ้างอิง มีที่กำหนด ประกอบด้วยประโยชน์ เหมาะ | + | </ |
- | แก่เวลา | + | </ |
- | | + | </ |
- | ๙. พระสมณโคดมเสวยมื้อเดียว ไม่เสวยตอนกลางคืน ทรงเว้นขาด | + | </ |
- | จากการเสวยในเวลาวิกาล< | + | </ |
- | | + | </ |
- | และดูการละเล่นที่เป็นข้าศึกแก่กุศล | + | </ |
- | | + | |
- | ด้วยพวงดอกไม้ของหอมและเครื่องประทินผิวอันเป็นลักษณะแห่ง | + | [๑๐]< |
- | การแต่งตัว | + | </ |
- | | + | </ |
- | | + | </ |
- | | + | </ |
- | <a name=p4attha></ | + | </ |
+ | </ | ||
+ | </ | ||
+ | </ | ||
+ | </ | ||
+ | </ | ||
+ | <a name=p4attha></ | ||
< | < | ||
< | < | ||
บรรทัด 127: | บรรทัด 152: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p5></ | + | <a name=p5></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
- | | + | </p class=reftop></ |
- | | + | </p class=reftop></br> |
- | | + | </ |
- | | + | </ |
- | | + | </ |
- | | + | </ |
- | | + | </ |
- | | + | </ |
- | | + | </ |
- | และด้วยเครื่องตวงวัด | + | </ |
- | | + | </ |
- | ตลบตะแลง หรือ | + | </ |
- | | + | </ |
- | การตีชิงวิ่งราว การปล้นและการขู่กรรโชก | + | </ |
+ | </ | ||
+ | </ | ||
< | < | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
- | ๑. พระสมณโคดมทรงเว้นขาดจากการพรากพืชคามและภูตคาม เช่น | + | |
+ | [๑๑]< | ||
+ | </ | ||
ที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังพรากพืชคาม< | ที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังพรากพืชคาม< | ||
และภูตคาม< | และภูตคาม< | ||
ยอด เกิดจากเมล็ด | ยอด เกิดจากเมล็ด | ||
- | <a name=p5attha></ | + | <a name=p5attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
บรรทัด 157: | บรรทัด 186: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p6></ | + | <a name=p6></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop> | ||
+ | |||
+ | [๑๒]< | ||
สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังบริโภคของ | สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังบริโภคของ | ||
ที่สะสมไว้เหล่านี้ คือ สะสมข้าว น้ำ ผ้า ยาน ที่นอน เครื่องประทินผิว ของหอม | ที่สะสมไว้เหล่านี้ คือ สะสมข้าว น้ำ ผ้า ยาน ที่นอน เครื่องประทินผิว ของหอม | ||
และอามิส< | และอามิส< | ||
- | [๑๓]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๓]< | ||
เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยัง | เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยัง | ||
ขวนขวายดูการละเล่นอันเป็นข้าศึกต่อกุศลอย่างนี้ คือ การฟ้อน การขับร้อง การ | ขวนขวายดูการละเล่นอันเป็นข้าศึกต่อกุศลอย่างนี้ คือ การฟ้อน การขับร้อง การ | ||
บรรทัด 172: | บรรทัด 207: | ||
รำกระบี่กระบอง การชกมวย มวยปล้ำ การรบ การตรวจพลสวนสนาม การจัด | รำกระบี่กระบอง การชกมวย มวยปล้ำ การรบ การตรวจพลสวนสนาม การจัด | ||
กระบวนทัพ การตรวจกองทัพ | กระบวนทัพ การตรวจกองทัพ | ||
- | [๑๔]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๔]< | ||
อันเป็นเหตุแห่งความประมาท เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่ | อันเป็นเหตุแห่งความประมาท เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่ | ||
เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังขวนขวายในการเล่นการพนันอันเป็นเหตุแห่งความ | เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังขวนขวายในการเล่นการพนันอันเป็นเหตุแห่งความ | ||
บรรทัด 179: | บรรทัด 216: | ||
เล่นหกคะเมน เล่นกังหัน เล่นตวงทราย เล่นรถเล็กๆ เล่นธนูเล็กๆ เล่นเขียนทาย เล่นทาย | เล่นหกคะเมน เล่นกังหัน เล่นตวงทราย เล่นรถเล็กๆ เล่นธนูเล็กๆ เล่นเขียนทาย เล่นทาย | ||
ใจ เล่นล้อเลียนคนพิการ | ใจ เล่นล้อเลียนคนพิการ | ||
- | [๑๕]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๕]< | ||
ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังใช้ที่นอนสูงใหญ่อย่างนี้ คือ | ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังใช้ที่นอนสูงใหญ่อย่างนี้ คือ | ||
เตียงมีเท้าสูงเกินขนาด เตียงมีเท้าเป็นรูปสัตว์ร้าย พรมขนสัตว์ เครื่องลาดขนแกะ | เตียงมีเท้าสูงเกินขนาด เตียงมีเท้าเป็นรูปสัตว์ร้าย พรมขนสัตว์ เครื่องลาดขนแกะ | ||
บรรทัด 185: | บรรทัด 224: | ||
เครื่องลาดขนแกะวิจิตรด้วยรูปสัตว์ร้ายเช่นสีหะและเสือ เครื่องลาดขนแกะมีขน ๒ | เครื่องลาดขนแกะวิจิตรด้วยรูปสัตว์ร้ายเช่นสีหะและเสือ เครื่องลาดขนแกะมีขน ๒ | ||
ด้าน เครื่องลาดขนแกะมีขนด้านเดียว เครื่องลาดปักด้วยไหมประดับรัตนะ เครื่อง | ด้าน เครื่องลาดขนแกะมีขนด้านเดียว เครื่องลาดปักด้วยไหมประดับรัตนะ เครื่อง | ||
- | <a name=p6attha></ | + | <a name=p6attha></ |
< | < | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p7></ | + | <a name=p7></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop> | </p class=reftop> | ||
เครื่องลาดบนหลังช้าง เครื่องลาดบนหลังม้า เครื่องลาดในรถ เครื่องลาดทำด้วยหนัง | เครื่องลาดบนหลังช้าง เครื่องลาดบนหลังม้า เครื่องลาดในรถ เครื่องลาดทำด้วยหนัง | ||
เสือ เครื่องลาดหนังชะมด เครื่องลาดมีเพดาน เครื่องลาดมีหมอน ๒ ข้าง | เสือ เครื่องลาดหนังชะมด เครื่องลาดมีเพดาน เครื่องลาดมีหมอน ๒ ข้าง | ||
- | [๑๖]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๖]< | ||
ร่างกาย เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว | ร่างกาย เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว | ||
ยังขวนขวายในการประดับตกแต่งร่างกายอย่างนี้ คือ อบผิว นวด อาบน้ำหอม | ยังขวนขวายในการประดับตกแต่งร่างกายอย่างนี้ คือ อบผิว นวด อาบน้ำหอม | ||
บรรทัด 200: | บรรทัด 243: | ||
ข้อมือ สวมเกี้ยว ใช้ไม้ถือ ใช้กลักยา ใช้ดาบ ใช้พระขรรค์ ใช้ร่ม สวมรองเท้าวิจิตร | ข้อมือ สวมเกี้ยว ใช้ไม้ถือ ใช้กลักยา ใช้ดาบ ใช้พระขรรค์ ใช้ร่ม สวมรองเท้าวิจิตร | ||
ติดกรอบหน้า ปักปิ่น ใช้พัดและแส้ขนหางจามรี นุ่งห่มผ้าขาวชายยาว | ติดกรอบหน้า ปักปิ่น ใช้พัดและแส้ขนหางจามรี นุ่งห่มผ้าขาวชายยาว | ||
- | [๑๗]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๗]< | ||
ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังพูดเดรัจฉานกถาอย่างนี้ | ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังพูดเดรัจฉานกถาอย่างนี้ | ||
คือ เรื่องพระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์ เรื่องกองทัพ เรื่องภัย เรื่องการรบ | คือ เรื่องพระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์ เรื่องกองทัพ เรื่องภัย เรื่องการรบ | ||
บรรทัด 207: | บรรทัด 252: | ||
คนกล้าหาญ เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ เรื่องคนที่ล่วงลับไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก | คนกล้าหาญ เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ เรื่องคนที่ล่วงลับไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก | ||
เรื่องทะเล เรื่องความเจริญและความเสื่อม | เรื่องทะเล เรื่องความเจริญและความเสื่อม | ||
- | [๑๘]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๘]< | ||
สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังพูดทุ่มเถียง | สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังพูดทุ่มเถียง | ||
แก่งแย่งกันอย่างนี้ คือ ท่านไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ แต่ผมรู้ทั่วถึง ท่านจะรู้ทั่วถึง | แก่งแย่งกันอย่างนี้ คือ ท่านไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ แต่ผมรู้ทั่วถึง ท่านจะรู้ทั่วถึง | ||
บรรทัด 215: | บรรทัด 262: | ||
คำพูดของท่านได้แล้ว ผมข่มท่านได้แล้ว ถ้าท่านมีความสามารถก็จงหาทางแก้ | คำพูดของท่านได้แล้ว ผมข่มท่านได้แล้ว ถ้าท่านมีความสามารถก็จงหาทางแก้ | ||
คำพูดหรือเปลื้องตนให้พ้นผิดเถิด | คำพูดหรือเปลื้องตนให้พ้นผิดเถิด | ||
- | <a name=p7attha></ | + | <a name=p7attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
บรรทัด 221: | บรรทัด 268: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p8></ | + | <a name=p8></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop> | ||
+ | |||
+ | [๑๙]< | ||
เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังทำ | เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังทำ | ||
หน้าที่เป็นตัวแทนและผู้สื่อสารอย่างนี้ คือ รับเป็นสื่อให้พระราชา ราชมหาอำมาตย์ | หน้าที่เป็นตัวแทนและผู้สื่อสารอย่างนี้ คือ รับเป็นสื่อให้พระราชา ราชมหาอำมาตย์ | ||
กษัตริย์ พราหมณ์ คหบดีและกุมารว่า ‘ท่านจงไปที่นี้หรือที่โน้น จงนำเอาสิ่งนี้ไป | กษัตริย์ พราหมณ์ คหบดีและกุมารว่า ‘ท่านจงไปที่นี้หรือที่โน้น จงนำเอาสิ่งนี้ไป | ||
จงเอาสิ่งนี้มาจากที่โน้น’ หรือ | จงเอาสิ่งนี้มาจากที่โน้น’ หรือ | ||
- | [๒๐]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๒๐]< | ||
เลียบเคียง เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธา | เลียบเคียง เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธา | ||
แล้วยังพูดหลอกลวง เลียบเคียง หว่านล้อม พูดและเล็ม ใช้ลาภต่อลาภ | แล้วยังพูดหลอกลวง เลียบเคียง หว่านล้อม พูดและเล็ม ใช้ลาภต่อลาภ | ||
< | < | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
- | ๑. พระสมณโคดมทรงเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพผิดทางด้วยเดรัจฉาน- | + | |
+ | [๒๑]< | ||
+ | </ | ||
วิชา< | วิชา< | ||
เลี้ยงชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ ทำนายอวัยวะ ทำนายตำหนิ ทำนาย | เลี้ยงชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ ทำนายอวัยวะ ทำนายตำหนิ ทำนาย | ||
บรรทัด 243: | บรรทัด 298: | ||
ภูมิ วิชาหมองู วิชาว่าด้วยพิษ วิชาว่าด้วยแมงป่อง วิชาว่าด้วยหนู วิชาว่าด้วยเสียงนก | ภูมิ วิชาหมองู วิชาว่าด้วยพิษ วิชาว่าด้วยแมงป่อง วิชาว่าด้วยหนู วิชาว่าด้วยเสียงนก | ||
วิชาว่าด้วยเสียงกา วิชาทายอายุ วิชาป้องกันลูกศร วิชาว่าด้วยเสียงสัตว์ร้อง | วิชาว่าด้วยเสียงกา วิชาทายอายุ วิชาป้องกันลูกศร วิชาว่าด้วยเสียงสัตว์ร้อง | ||
- | <a name=p8attha></ | + | <a name=p8attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
บรรทัด 249: | บรรทัด 304: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p9></ | + | <a name=p9></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop> | ||
+ | |||
+ | [๒๒]< | ||
เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังเลี้ยง | เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังเลี้ยง | ||
ชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ ทำนายลักษณะแก้วมณี ลักษณะไม้พลอง | ชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ ทำนายลักษณะแก้วมณี ลักษณะไม้พลอง | ||
บรรทัด 259: | บรรทัด 318: | ||
ลักษณะโคสามัญ ลักษณะแพะ ลักษณะแกะ ลักษณะไก่ ลักษณะนกกระทา ลักษณะ | ลักษณะโคสามัญ ลักษณะแพะ ลักษณะแกะ ลักษณะไก่ ลักษณะนกกระทา ลักษณะ | ||
เหี้ย ลักษณะตุ้มหู< | เหี้ย ลักษณะตุ้มหู< | ||
- | [๒๓]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๒๓]< | ||
เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังเลี้ยง | เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังเลี้ยง | ||
ชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ ดูฤกษ์ยาตราทัพว่า พระราชาจักเสด็จหรือ | ชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ ดูฤกษ์ยาตราทัพว่า พระราชาจักเสด็จหรือ | ||
บรรทัด 268: | บรรทัด 329: | ||
ปราชัยจักมีแก่พระราชาในอาณาจักร พระราชาองค์นี้จักทรงชนะ พระราชาองค์นี้ | ปราชัยจักมีแก่พระราชาในอาณาจักร พระราชาองค์นี้จักทรงชนะ พระราชาองค์นี้ | ||
จักทรงพ่ายแพ้ | จักทรงพ่ายแพ้ | ||
- | [๒๔]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๒๔]< | ||
เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังเลี้ยง | เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังเลี้ยง | ||
ชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ พยากรณ์ว่าจักมีจันทรคราส สุริยคราส นัก | ชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ พยากรณ์ว่าจักมีจันทรคราส สุริยคราส นัก | ||
บรรทัด 278: | บรรทัด 341: | ||
ฟ้าร้อง จักมีผลอย่างนี้ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ และดาวนักษัตรขึ้น ตก มัวหมอง | ฟ้าร้อง จักมีผลอย่างนี้ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ และดาวนักษัตรขึ้น ตก มัวหมอง | ||
แจ่มกระจ่าง จักมีผลอย่างนี้ | แจ่มกระจ่าง จักมีผลอย่างนี้ | ||
- | <a name=p9attha></ | + | <a name=p9attha></ |
< | < | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p10></ | + | <a name=p10></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop> | ||
+ | |||
+ | [๒๕]< | ||
เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังเลี้ยง | เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังเลี้ยง | ||
ชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ พยากรณ์ว่าฝนจะดี ฝนจะแล้ง จะหา | ชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ พยากรณ์ว่าฝนจะดี ฝนจะแล้ง จะหา | ||
บรรทัด 290: | บรรทัด 357: | ||
ไม่มีโรค การคำนวณด้วยวิธีนับนิ้ว (มุททา) การคำนวณด้วยวิธีคิดในใจ (คณนา) การ | ไม่มีโรค การคำนวณด้วยวิธีนับนิ้ว (มุททา) การคำนวณด้วยวิธีคิดในใจ (คณนา) การ | ||
คำนวณด้วยวิธีอนุมานด้วยสายตา (สังขาน) วิชาฉันทลักษณ์และโลกายตศาสตร์< | คำนวณด้วยวิธีอนุมานด้วยสายตา (สังขาน) วิชาฉันทลักษณ์และโลกายตศาสตร์< | ||
- | [๒๖]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๒๖]< | ||
เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังเลี้ยง | เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังเลี้ยง | ||
ชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ ให้ฤกษ์อาวาหมงคล ฤกษ์วิวาหมงคล ฤกษ์ | ชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ ให้ฤกษ์อาวาหมงคล ฤกษ์วิวาหมงคล ฤกษ์ | ||
บรรทัด 298: | บรรทัด 367: | ||
เทวาลัยเป็นคนทรง บวงสรวงดวงอาทิตย์และท้าวมหาพรหม ร่ายมนตร์พ่นไฟ ทำ | เทวาลัยเป็นคนทรง บวงสรวงดวงอาทิตย์และท้าวมหาพรหม ร่ายมนตร์พ่นไฟ ทำ | ||
พิธีเรียกขวัญ หรือ | พิธีเรียกขวัญ หรือ | ||
- | [๒๗]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๒๗]< | ||
เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังเลี้ยง | เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังเลี้ยง | ||
ชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ ทำพิธีบนบาน พิธีแก้บน ร่ายมนตร์ขับผี | ชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ ทำพิธีบนบาน พิธีแก้บน ร่ายมนตร์ขับผี | ||
บรรทัด 306: | บรรทัด 377: | ||
หยอดตา ยานัตถุ์ ยาหยอดตา ยาป้ายตา เป็นหมอตา หมอผ่าตัด หมอรักษาเด็ก | หยอดตา ยานัตถุ์ ยาหยอดตา ยาป้ายตา เป็นหมอตา หมอผ่าตัด หมอรักษาเด็ก | ||
(กุมารเวช) การให้สมุนไพรและยา การใส่ยาแล้วล้างออกเมื่อโรคหาย | (กุมารเวช) การให้สมุนไพรและยา การใส่ยาแล้วล้างออกเมื่อโรคหาย | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ปุถุชนกล่าวยกย่องตถาคต ก็พึงกล่าวด้วยเรื่องเล็กน้อย | + | </ |
ต่ำต้อย เพียงเรื่องระดับศีลเท่านั้น | ต่ำต้อย เพียงเรื่องระดับศีลเท่านั้น | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
< | < | ||
< | < | ||
บรรทัด 315: | บรรทัด 386: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p11></ | + | <a name=p11></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop>< | </p class=reftop>< | ||
</ | </ | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๒๘]< | ||
สงบประณีต ใช้เหตุผลคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ซึ่งตถาคต< | สงบประณีต ใช้เหตุผลคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ซึ่งตถาคต< | ||
แจ้งได้เองแล้วสั่งสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตามอันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้อง | แจ้งได้เองแล้วสั่งสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตามอันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้อง | ||
ตามความเป็นจริง ก็ธรรมที่ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก ... อันเป็นเหตุให้คน | ตามความเป็นจริง ก็ธรรมที่ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก ... อันเป็นเหตุให้คน | ||
กล่าวยกย่องตถาคตตามความเป็นจริง คืออะไรบ้าง | กล่าวยกย่องตถาคตตามความเป็นจริง คืออะไรบ้าง | ||
- | [๒๙]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๒๙]< | ||
ความเห็นคล้อยตามขันธ์ส่วนอดีต ปรารภขันธ์ส่วนอดีต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิ | ความเห็นคล้อยตามขันธ์ส่วนอดีต ปรารภขันธ์ส่วนอดีต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิ | ||
ต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๑๘ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภ | ต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๑๘ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภ | ||
บรรทัด 332: | บรรทัด 409: | ||
< | < | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๓๐]< | ||
และโลกว่าเที่ยงด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไร | และโลกว่าเที่ยงด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไร | ||
ปรารภอะไรจึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยงด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง | ปรารภอะไรจึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยงด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๓๑]< | ||
ความเพียรที่ตั้งมั่น ความหมั่นประกอบ ความไม่ประมาท และอาศัยการใช้ความคิด | ความเพียรที่ตั้งมั่น ความหมั่นประกอบ ความไม่ประมาท และอาศัยการใช้ความคิด | ||
- | <a name=p11attha></ | + | <a name=p11attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
บรรทัด 345: | บรรทัด 426: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p12></ | + | <a name=p12></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop> | </p class=reftop> | ||
กิเลสเพียงดังเนิน ปราศจากความเศร้าหมอง) ระลึกชาติก่อนได้หลายชาติ คือ | กิเลสเพียงดังเนิน ปราศจากความเศร้าหมอง) ระลึกชาติก่อนได้หลายชาติ คือ | ||
บรรทัด 357: | บรรทัด 440: | ||
จึงมาเกิดในภพนี้’ เขาระลึกชาติก่อนได้หลายชาติพร้อมทั้งลักษณะทั่วไปและ | จึงมาเกิดในภพนี้’ เขาระลึกชาติก่อนได้หลายชาติพร้อมทั้งลักษณะทั่วไปและ | ||
ชีวประวัติอย่างนี้ | ชีวประวัติอย่างนี้ | ||
- | เขาจึงพูดอย่างนี้ว่า ‘อัตตาและโลกเที่ยง ยั่งยืน ตั้งมั่นอยู่ดุจยอดภูเขาดุจ | + | </ |
เสาระเนียด ส่วนสัตว์เหล่านั้นย่อมแล่นไป ท่องเที่ยวไป จุติและเกิด แต่มีสิ่งที่เที่ยง | เสาระเนียด ส่วนสัตว์เหล่านั้นย่อมแล่นไป ท่องเที่ยวไป จุติและเกิด แต่มีสิ่งที่เที่ยง | ||
อยู่แน่ เพราะเหตุอะไร เพราะว่าเราอาศัยความเพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ | อยู่แน่ เพราะเหตุอะไร เพราะว่าเราอาศัยความเพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ | ||
บรรทัด 372: | บรรทัด 455: | ||
ตั้งมั่นอยู่ดุจยอดภูเขาดุจเสาระเนียด ส่วนสัตว์เหล่านั้นย่อมแล่นไป ท่องเที่ยวไป จุติ | ตั้งมั่นอยู่ดุจยอดภูเขาดุจเสาระเนียด ส่วนสัตว์เหล่านั้นย่อมแล่นไป ท่องเที่ยวไป จุติ | ||
และเกิด แต่มีสิ่งที่เที่ยงอยู่แน่’ | และเกิด แต่มีสิ่งที่เที่ยงอยู่แน่’ | ||
- | <a name=p12attha></ | + | <a name=p12attha></ |
< | < | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p13></ | + | <a name=p13></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop></br> | ||
แล้ว จึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง | แล้ว จึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๓๒]< | ||
จึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง | จึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง | ||
- | สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ อาศัยความเพียรเครื่องเผากิเลส ความ | + | </ |
เพียรที่ตั้งมั่น ความหมั่นประกอบ ความไม่ประมาท และอาศัยการใช้ความคิดอย่าง | เพียรที่ตั้งมั่น ความหมั่นประกอบ ความไม่ประมาท และอาศัยการใช้ความคิดอย่าง | ||
ถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำจิตให้ตั้งมั่น ระลึกชาติก่อนได้หลายชาติ คือ | ถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำจิตให้ตั้งมั่น ระลึกชาติก่อนได้หลายชาติ คือ | ||
บรรทัด 393: | บรรทัด 480: | ||
อายุอย่างนั้นๆ จุติจากภพนั้นจึงมาเกิดในภพนี้’ เขาระลึกชาติก่อนได้หลายชาติ | อายุอย่างนั้นๆ จุติจากภพนั้นจึงมาเกิดในภพนี้’ เขาระลึกชาติก่อนได้หลายชาติ | ||
พร้อมทั้งลักษณะทั่วไปและชีวประวัติอย่างนี้ | พร้อมทั้งลักษณะทั่วไปและชีวประวัติอย่างนี้ | ||
- | เขาจึงพูดอย่างนี้ว่า ‘อัตตาและโลกเที่ยง ยั่งยืน ตั้งมั่นอยู่ดุจยอดภูเขาดุจเสา | + | </ |
ระเนียด ส่วนสัตว์เหล่านั้นย่อมแล่นไป ท่องเที่ยวไป จุติและเกิด แต่มีสิ่งที่เที่ยงอยู่ | ระเนียด ส่วนสัตว์เหล่านั้นย่อมแล่นไป ท่องเที่ยวไป จุติและเกิด แต่มีสิ่งที่เที่ยงอยู่ | ||
แน่ เพราะเหตุอะไร เพราะว่าเราอาศัยความเพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ตั้ง | แน่ เพราะเหตุอะไร เพราะว่าเราอาศัยความเพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ตั้ง | ||
บรรทัด 403: | บรรทัด 490: | ||
มีอาหาร เสวยสุขทุกข์ และมีอายุอย่างนั้นๆ จุติจากภพนั้นจึงไปเกิดในภพโน้น | มีอาหาร เสวยสุขทุกข์ และมีอายุอย่างนั้นๆ จุติจากภพนั้นจึงไปเกิดในภพโน้น | ||
แม้ในภพนั้นเราก็ได้มีชื่ออย่างนั้น มีตระกูล มีวรรณะ มีอาหาร เสวยสุขทุกข์ และมี | แม้ในภพนั้นเราก็ได้มีชื่ออย่างนั้น มีตระกูล มีวรรณะ มีอาหาร เสวยสุขทุกข์ และมี | ||
- | <a name=p13attha></ | + | <a name=p13attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p14></ | + | <a name=p14></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop> | </p class=reftop> | ||
พร้อมทั้งลักษณะทั่วไปและชีวประวัติอย่างนี้ เพราะการได้บรรลุคุณวิเศษนี้ เราจึงรู้ | พร้อมทั้งลักษณะทั่วไปและชีวประวัติอย่างนี้ เพราะการได้บรรลุคุณวิเศษนี้ เราจึงรู้ | ||
อาการที่อัตตาและโลกเที่ยง ยั่งยืน ตั้งมั่นอยู่ดุจยอดภูเขาดุจเสาระเนียด ส่วนสัตว์ | อาการที่อัตตาและโลกเที่ยง ยั่งยืน ตั้งมั่นอยู่ดุจยอดภูเขาดุจเสาระเนียด ส่วนสัตว์ | ||
เหล่านั้นย่อมแล่นไป ท่องเที่ยวไป จุติและเกิด แต่มีสิ่งที่เที่ยงอยู่แน่’ | เหล่านั้นย่อมแล่นไป ท่องเที่ยวไป จุติและเกิด แต่มีสิ่งที่เที่ยงอยู่แน่’ | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมูลเหตุที่ ๒ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้วปรารภ | + | </ |
แล้ว จึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง | แล้ว จึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๓๓]< | ||
จึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง | จึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง | ||
- | สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ อาศัยความเพียรเครื่องเผากิเลส ความ | + | </ |
เพียรที่ตั้งมั่น ความหมั่นประกอบ ความไม่ประมาท และอาศัยการใช้ความคิดอย่าง | เพียรที่ตั้งมั่น ความหมั่นประกอบ ความไม่ประมาท และอาศัยการใช้ความคิดอย่าง | ||
ถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำจิตให้ตั้งมั่น ระลึกชาติก่อนได้หลายชาติ คือ | ถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำจิตให้ตั้งมั่น ระลึกชาติก่อนได้หลายชาติ คือ | ||
บรรทัด 428: | บรรทัด 519: | ||
สุขทุกข์ และมีอายุอย่างนั้นๆ จุติจากภพนั้นจึงมาเกิดในภพนี้’ เขาระลึกถึงชาติก่อน | สุขทุกข์ และมีอายุอย่างนั้นๆ จุติจากภพนั้นจึงมาเกิดในภพนี้’ เขาระลึกถึงชาติก่อน | ||
ได้หลายชาติพร้อมทั้งลักษณะทั่วไปและชีวประวัติอย่างนี้ | ได้หลายชาติพร้อมทั้งลักษณะทั่วไปและชีวประวัติอย่างนี้ | ||
- | เขาจึงพูดอย่างนี้ว่า ‘อัตตาและโลกเที่ยง ยั่งยืน ตั้งมั่นอยู่ดุจยอดภูเขาดุจเสา | + | </ |
ระเนียด ส่วนสัตว์เหล่านั้นย่อมแล่นไป ท่องเที่ยวไป จุติและเกิด แต่มีสิ่งที่เที่ยงอยู่ | ระเนียด ส่วนสัตว์เหล่านั้นย่อมแล่นไป ท่องเที่ยวไป จุติและเกิด แต่มีสิ่งที่เที่ยงอยู่ | ||
แน่ เพราะเหตุอะไร เพราะว่าเราอาศัยความเพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ตั้ง | แน่ เพราะเหตุอะไร เพราะว่าเราอาศัยความเพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ตั้ง | ||
บรรทัด 437: | บรรทัด 528: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p15></ | + | <a name=p15></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop> | </p class=reftop> | ||
ก็ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพนั้นเราก็ได้มีชื่ออย่างนั้น มีตระกูล มีวรรณะ มีอาหาร | ก็ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพนั้นเราก็ได้มีชื่ออย่างนั้น มีตระกูล มีวรรณะ มีอาหาร | ||
บรรทัด 446: | บรรทัด 539: | ||
ดุจเสาระเนียด ส่วนสัตว์เหล่านั้นย่อมแล่นไป ท่องเที่ยวไป จุติและเกิด แต่มีสิ่งที่ | ดุจเสาระเนียด ส่วนสัตว์เหล่านั้นย่อมแล่นไป ท่องเที่ยวไป จุติและเกิด แต่มีสิ่งที่ | ||
เที่ยงอยู่แน่’ | เที่ยงอยู่แน่’ | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมูลเหตุที่ ๓ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้วปรารภ | + | </ |
แล้ว จึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง | แล้ว จึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๓๔]< | ||
จึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง | จึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง | ||
- | สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้เป็นนักตรรกะ< | + | </ |
แสดงทรรศนะของตนตามหลักเหตุผลและการคาดคะเนความจริงอย่างนี้ว่า ‘อัตตา | แสดงทรรศนะของตนตามหลักเหตุผลและการคาดคะเนความจริงอย่างนี้ว่า ‘อัตตา | ||
และโลกเที่ยง ยั่งยืน ตั้งมั่นอยู่ดุจยอดภูเขาดุจเสาระเนียด ส่วนสัตว์เหล่านั้นย่อม | และโลกเที่ยง ยั่งยืน ตั้งมั่นอยู่ดุจยอดภูเขาดุจเสาระเนียด ส่วนสัตว์เหล่านั้นย่อม | ||
แล่นไป ท่องเที่ยวไป จุติและเกิด แต่มีสิ่งที่เที่ยงอยู่แน่’ | แล่นไป ท่องเที่ยวไป จุติและเกิด แต่มีสิ่งที่เที่ยงอยู่แน่’ | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมูลเหตุที่ ๔ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้วปรารภ | + | </ |
แล้ว จึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง | แล้ว จึงมีวาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง | ||
- | <a name=p15attha></ | + | <a name=p15attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
บรรทัด 465: | บรรทัด 560: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p16></ | + | <a name=p16></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop>< | </p class=reftop>< | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๓๕]< | ||
และโลกว่าเที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่างนี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกมี | และโลกว่าเที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่างนี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกมี | ||
วาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง ด้วยมูลเหตุทั้ง ๔ อย่างนี้ หรือด้วย | วาทะว่าเที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง ด้วยมูลเหตุทั้ง ๔ อย่างนี้ หรือด้วย | ||
มูลเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๔ อย่างนี้ ไม่พ้นไปจากนี้ | มูลเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๔ อย่างนี้ ไม่พ้นไปจากนี้ | ||
- | [๓๖]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๓๖]< | ||
ถืออย่างนี้แล้ว ย่อมมีคติและภพหน้าอย่างนั้นๆ ตถาคตรู้มูลเหตุนั้นชัด และยังรู้ชัด | ถืออย่างนี้แล้ว ย่อมมีคติและภพหน้าอย่างนั้นๆ ตถาคตรู้มูลเหตุนั้นชัด และยังรู้ชัด | ||
ยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกจึงไม่ยึดมั่นเมื่อไม่ยึดมั่นจึงรู้ความดับด้วยตนเองรู้ความเกิดความดับ | ยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกจึงไม่ยึดมั่นเมื่อไม่ยึดมั่นจึงรู้ความดับด้วยตนเองรู้ความเกิดความดับ | ||
คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดเวทนาออกตามความเป็นจริง ตถาคตจึงหลุดพ้น | คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดเวทนาออกตามความเป็นจริง ตถาคตจึงหลุดพ้น | ||
เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น | เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น | ||
- | [๓๗]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๓๗]< | ||
ประณีต ใช้เหตุผลคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ซึ่งตถาคตรู้แจ้งได้ | ประณีต ใช้เหตุผลคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ซึ่งตถาคตรู้แจ้งได้ | ||
เองแล้วสั่งสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตามอันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้องตาม | เองแล้วสั่งสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตามอันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้องตาม | ||
บรรทัด 484: | บรรทัด 587: | ||
</ | </ | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๓๘]< | ||
บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ด้วย | บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ด้วย | ||
มูลเหตุ ๔ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไร จึงมีวาทะ | มูลเหตุ ๔ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไร จึงมีวาทะ | ||
ว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บาง | ว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บาง | ||
อย่างไม่เที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง | อย่างไม่เที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง | ||
- | [๓๙]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๓๙]< | ||
พินาศเหล่าสัตว์ส่วนมากไปเกิดที่อาภัสสรพรหมโลก นึกคิดอะไรก็สำเร็จได้ตามปรารถนา | พินาศเหล่าสัตว์ส่วนมากไปเกิดที่อาภัสสรพรหมโลก นึกคิดอะไรก็สำเร็จได้ตามปรารถนา | ||
มีปีติเป็นอาหาร มีรัศมีซ่านออกจากร่างกาย เที่ยวสัญจรไปในอากาศ อยู่ในวิมาน | มีปีติเป็นอาหาร มีรัศมีซ่านออกจากร่างกาย เที่ยวสัญจรไปในอากาศ อยู่ในวิมาน | ||
บรรทัด 495: | บรรทัด 602: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p17></ | + | <a name=p17></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop> | ||
+ | |||
+ | [๔๐]< | ||
วิมานของพรหมปรากฏว่าว่างเปล่า เวลานั้นสัตว์ผู้จุติจากชั้นอาภัสสรพรหมโลก | วิมานของพรหมปรากฏว่าว่างเปล่า เวลานั้นสัตว์ผู้จุติจากชั้นอาภัสสรพรหมโลก | ||
เพราะสิ้นอายุหรือสิ้นบุญ ย่อมเกิดที่วิมานพรหมอันว่างเปล่า นึกคิดอะไรก็สำเร็จได้ | เพราะสิ้นอายุหรือสิ้นบุญ ย่อมเกิดที่วิมานพรหมอันว่างเปล่า นึกคิดอะไรก็สำเร็จได้ | ||
ตามปรารถนา มีปีติเป็นอาหาร มีรัศมีซ่านออกจากร่างกาย เที่ยวสัญจรไปในอากาศ | ตามปรารถนา มีปีติเป็นอาหาร มีรัศมีซ่านออกจากร่างกาย เที่ยวสัญจรไปในอากาศ | ||
อยู่ในวิมานอันงดงาม สถิตอยู่นานแสนนาน | อยู่ในวิมานอันงดงาม สถิตอยู่นานแสนนาน | ||
- | [๔๑]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๔๑]< | ||
โอหนอ แม้สัตว์เหล่าอื่นพึงมาเป็นอย่างนี้บ้าง ต่อมา สัตว์เหล่าอื่นจุติจากชั้น | โอหนอ แม้สัตว์เหล่าอื่นพึงมาเป็นอย่างนี้บ้าง ต่อมา สัตว์เหล่าอื่นจุติจากชั้น | ||
อาภัสสรพรหมโลกเพราะสิ้นอายุหรือสิ้นบุญ ย่อมเกิดที่วิมานพรหมเป็นผู้อยู่ร่วมกับ | อาภัสสรพรหมโลกเพราะสิ้นอายุหรือสิ้นบุญ ย่อมเกิดที่วิมานพรหมเป็นผู้อยู่ร่วมกับ | ||
บรรทัด 508: | บรรทัด 621: | ||
ซ่านออกจากร่างกาย เที่ยวสัญจรไปในอากาศ อยู่ในวิมานอันงดงาม สถิตอยู่นาน | ซ่านออกจากร่างกาย เที่ยวสัญจรไปในอากาศ อยู่ในวิมานอันงดงาม สถิตอยู่นาน | ||
แสนนาน | แสนนาน | ||
- | [๔๒]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๔๒]< | ||
เป็นพรหม เป็นท้าวมหาพรหม ผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครข่มเหงได้ เห็นถ่องแท้ เป็นผู้กุม | เป็นพรหม เป็นท้าวมหาพรหม ผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครข่มเหงได้ เห็นถ่องแท้ เป็นผู้กุม | ||
อำนาจ เป็นอิสระ เป็นผู้สร้าง ผู้บันดาล ผู้ประเสริฐ ผู้บงการ ผู้ทรงอำนาจ เป็นบิดา | อำนาจ เป็นอิสระ เป็นผู้สร้าง ผู้บันดาล ผู้ประเสริฐ ผู้บงการ ผู้ทรงอำนาจ เป็นบิดา | ||
บรรทัด 514: | บรรทัด 629: | ||
เพราะว่าเรามีความคิดมาก่อนว่า โอหนอ แม้สัตว์เหล่าอื่นพึงมาเป็นอย่างนี้บ้าง เรา | เพราะว่าเรามีความคิดมาก่อนว่า โอหนอ แม้สัตว์เหล่าอื่นพึงมาเป็นอย่างนี้บ้าง เรา | ||
มีความตั้งใจอย่างนี้และสัตว์เหล่านี้ก็ได้มาเป็นอย่างนี้แล้ว | มีความตั้งใจอย่างนี้และสัตว์เหล่านี้ก็ได้มาเป็นอย่างนี้แล้ว | ||
- | แม้พวกสัตว์ที่เกิดภายหลังก็มีความคิดอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญนี้เป็นพระพรหม | + | </ |
เป็นท้าวมหาพรหม ผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครข่มเหงได้ เห็นถ่องแท้ เป็นผู้กุมอำนาจ | เป็นท้าวมหาพรหม ผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครข่มเหงได้ เห็นถ่องแท้ เป็นผู้กุมอำนาจ | ||
เป็นอิสระ เป็นผู้สร้าง ผู้บันดาล ผู้ประเสริฐ ผู้บงการ ผู้ทรงอำนาจ เป็นบิดาของ | เป็นอิสระ เป็นผู้สร้าง ผู้บันดาล ผู้ประเสริฐ ผู้บงการ ผู้ทรงอำนาจ เป็นบิดาของ | ||
บรรทัด 520: | บรรทัด 635: | ||
เหตุไร เพราะว่าพวกเราได้เห็นพระพรหมองค์นี้เกิดในที่นี้ก่อน ส่วนพวกเราเกิดมา | เหตุไร เพราะว่าพวกเราได้เห็นพระพรหมองค์นี้เกิดในที่นี้ก่อน ส่วนพวกเราเกิดมา | ||
ภายหลัง | ภายหลัง | ||
- | [๔๓]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๔๓]< | ||
งดงามและมีศักดิ์มากกว่า ส่วนผู้เกิดภายหลังมีอายุสั้น ผิวพรรณทรามและมีศักดิ์ | งดงามและมีศักดิ์มากกว่า ส่วนผู้เกิดภายหลังมีอายุสั้น ผิวพรรณทรามและมีศักดิ์ | ||
น้อยกว่า | น้อยกว่า | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p18></ | + | <a name=p18></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop>< | </p class=reftop>< | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๔๔]< | ||
เรื่องที่เป็นไปได้ เมื่อเขามาเป็นอย่างนี้แล้วออกจากเรือนไปบวชเป็นบรรพชิต เมื่อ | เรื่องที่เป็นไปได้ เมื่อเขามาเป็นอย่างนี้แล้วออกจากเรือนไปบวชเป็นบรรพชิต เมื่อ | ||
บวชแล้วอาศัยความเพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ตั้งมั่น ความหมั่นประกอบ | บวชแล้วอาศัยความเพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ตั้งมั่น ความหมั่นประกอบ | ||
ความไม่ประมาท และอาศัยการใช้ความคิดอย่างถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็น | ความไม่ประมาท และอาศัยการใช้ความคิดอย่างถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็น | ||
เหตุทำจิตให้ตั้งมั่น ระลึกถึงชาติก่อนนั้นได้ ถัดจากนั้นไประลึกไม่ได้ | เหตุทำจิตให้ตั้งมั่น ระลึกถึงชาติก่อนนั้นได้ ถัดจากนั้นไประลึกไม่ได้ | ||
- | เขาจึงพูดอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เป็นพระพรหมผู้เจริญ เป็นท้าวมหาพรหม ผู้ยิ่งใหญ่ | + | </ |
ไม่มีใครข่มเหงได้ เห็นถ่องแท้ เป็นผู้กุมอำนาจ เป็นอิสระ เป็นผู้สร้าง ผู้บันดาล ผู้ | ไม่มีใครข่มเหงได้ เห็นถ่องแท้ เป็นผู้กุมอำนาจ เป็นอิสระ เป็นผู้สร้าง ผู้บันดาล ผู้ | ||
ประเสริฐ ผู้บงการ ผู้ทรงอำนาจ เป็นบิดาของสัตว์ผู้เกิดแล้วและกำลังจะเกิด พระ | ประเสริฐ ผู้บงการ ผู้ทรงอำนาจ เป็นบิดาของสัตว์ผู้เกิดแล้วและกำลังจะเกิด พระ | ||
บรรทัด 539: | บรรทัด 660: | ||
ดำรงอยู่เที่ยงแท้ไปเช่นนั้นทีเดียว ส่วนพวกเราที่พระพรหมผู้เจริญนั้นบันดาลขึ้น | ดำรงอยู่เที่ยงแท้ไปเช่นนั้นทีเดียว ส่วนพวกเราที่พระพรหมผู้เจริญนั้นบันดาลขึ้น | ||
มากลับเป็นผู้ไม่เที่ยงแท้ ไม่ยั่งยืน อายุสั้น ต้องจุติมาเป็นอย่างนี้’ | มากลับเป็นผู้ไม่เที่ยงแท้ ไม่ยั่งยืน อายุสั้น ต้องจุติมาเป็นอย่างนี้’ | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมูลเหตุที่ ๑ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้วปรารภ | + | </ |
แล้วจึงมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่าง | แล้วจึงมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่าง | ||
เที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง | เที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๔๕]< | ||
ปรารภอะไรจึงมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลก | ปรารภอะไรจึงมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลก | ||
ว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ภิกษุทั้งหลาย มีเทวดาพวกหนึ่งชื่อว่า | ว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ภิกษุทั้งหลาย มีเทวดาพวกหนึ่งชื่อว่า | ||
บรรทัด 549: | บรรทัด 672: | ||
เมื่อหมกมุ่นอยู่ในความสนุกสนานสรวลเสเฮฮาเกินเวลาย่อมหลงลืมสติ เพราะหลง | เมื่อหมกมุ่นอยู่ในความสนุกสนานสรวลเสเฮฮาเกินเวลาย่อมหลงลืมสติ เพราะหลง | ||
ลืมสติจึงพากันจุติจากชั้นนั้น | ลืมสติจึงพากันจุติจากชั้นนั้น | ||
- | <a name=p18attha></ | + | <a name=p18attha></ |
< | < | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p19></ | + | <a name=p19></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop> | ||
+ | |||
+ | [๔๖]< | ||
เขามาเป็นอย่างนี้แล้วออกจากเรือนไปบวชเป็นบรรพชิต เมื่อบวชแล้วอาศัยความ | เขามาเป็นอย่างนี้แล้วออกจากเรือนไปบวชเป็นบรรพชิต เมื่อบวชแล้วอาศัยความ | ||
เพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ตั้งมั่น ความหมั่นประกอบ ความไม่ประมาท | เพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ตั้งมั่น ความหมั่นประกอบ ความไม่ประมาท | ||
และอาศัยการใช้ความคิดอย่างถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำจิตให้ตั้งมั่น | และอาศัยการใช้ความคิดอย่างถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำจิตให้ตั้งมั่น | ||
ระลึกถึงชาติก่อนนั้นได้ ถัดจากนั้นไประลึกไม่ได้ | ระลึกถึงชาติก่อนนั้นได้ ถัดจากนั้นไประลึกไม่ได้ | ||
- | เขาจึงพูดอย่างนี้ว่า ‘พวกเทวดาผู้เจริญ ผู้ไม่ใช่เหล่าขิฑฑาปโทสิกะย่อมไม่ | + | </ |
หมกมุ่นอยู่ในความสนุกสนานสรวลเสเฮฮาเกินเวลา เมื่อไม่หมกมุ่นอยู่ในความ | หมกมุ่นอยู่ในความสนุกสนานสรวลเสเฮฮาเกินเวลา เมื่อไม่หมกมุ่นอยู่ในความ | ||
สนุกสนานสรวลเสเฮฮาเกินเวลาย่อมไม่หลงลืมสติ เพราะไม่หลงลืมสติจึงไม่จุติจาก | สนุกสนานสรวลเสเฮฮาเกินเวลาย่อมไม่หลงลืมสติ เพราะไม่หลงลืมสติจึงไม่จุติจาก | ||
บรรทัด 568: | บรรทัด 695: | ||
เพราะหลงลืมสติจึงต้องจุติจากชั้นนั้น เป็นผู้ไม่เที่ยงแท้ ไม่ยั่งยืน อายุสั้น | เพราะหลงลืมสติจึงต้องจุติจากชั้นนั้น เป็นผู้ไม่เที่ยงแท้ ไม่ยั่งยืน อายุสั้น | ||
เป็นอย่างนี้’ | เป็นอย่างนี้’ | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมูลเหตุที่ ๒ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้วปรารภ | + | </ |
แล้ว จึงมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บาง | แล้ว จึงมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บาง | ||
อย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง | อย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๔๗]< | ||
ปรารภอะไร จึงมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า | ปรารภอะไร จึงมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า | ||
บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ภิกษุทั้งหลาย มีเทวดาพวกหนึ่งชื่อว่ามโนปโทสิกะ | บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ภิกษุทั้งหลาย มีเทวดาพวกหนึ่งชื่อว่ามโนปโทสิกะ | ||
บรรทัด 578: | บรรทัด 707: | ||
ควรจึงคิดมุ่งร้ายต่อกัน เมื่อคิดมุ่งร้ายต่อกันจึงเหนื่อยกายเหนื่อยใจพากันจุติจาก | ควรจึงคิดมุ่งร้ายต่อกัน เมื่อคิดมุ่งร้ายต่อกันจึงเหนื่อยกายเหนื่อยใจพากันจุติจาก | ||
ชั้นนั้น | ชั้นนั้น | ||
- | [๔๘]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๔๘]< | ||
เขามาเป็นอย่างนี้แล้วออกจากเรือนไปบวชเป็นบรรพชิต เมื่อบวชแล้วอาศัยความ | เขามาเป็นอย่างนี้แล้วออกจากเรือนไปบวชเป็นบรรพชิต เมื่อบวชแล้วอาศัยความ | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p20></ | + | <a name=p20></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop> | </p class=reftop> | ||
และอาศัยการใช้ความคิดอย่างถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำจิตให้ตั้งมั่น | และอาศัยการใช้ความคิดอย่างถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำจิตให้ตั้งมั่น | ||
ระลึกถึงชาติก่อนนั้นได้ ถัดจากนั้นไประลึกไม่ได้ | ระลึกถึงชาติก่อนนั้นได้ ถัดจากนั้นไประลึกไม่ได้ | ||
- | เขาจึงพูดอย่างนี้ว่า ‘พวกเทวดาผู้เจริญ ผู้ไม่ใช่เหล่ามโนปโทสิกะ ย่อมไม่มัว | + | </ |
จ้องจับผิดกันและกันเกินควร เมื่อไม่มัวจ้องจับผิดกันและกันเกินควรก็ไม่คิดมุ่งร้าย | จ้องจับผิดกันและกันเกินควร เมื่อไม่มัวจ้องจับผิดกันและกันเกินควรก็ไม่คิดมุ่งร้าย | ||
ต่อกัน เมื่อไม่คิดมุ่งร้ายต่อกันก็ไม่เหนื่อยกายเหนื่อยใจจึงไม่จุติจากชั้นนั้น เป็นผู้ | ต่อกัน เมื่อไม่คิดมุ่งร้ายต่อกันก็ไม่เหนื่อยกายเหนื่อยใจจึงไม่จุติจากชั้นนั้น เป็นผู้ | ||
บรรทัด 594: | บรรทัด 727: | ||
เกินควรจึงคิดมุ่งร้ายต่อกัน เมื่อคิดมุ่งร้ายต่อกัน จึงเหนื่อยกายเหนื่อยใจ พากันจุติ | เกินควรจึงคิดมุ่งร้ายต่อกัน เมื่อคิดมุ่งร้ายต่อกัน จึงเหนื่อยกายเหนื่อยใจ พากันจุติ | ||
จากชั้นนั้น เป็นผู้ไม่เที่ยงแท้ ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน อายุสั้น ต้องจุติมาเป็นอย่างนี้’ | จากชั้นนั้น เป็นผู้ไม่เที่ยงแท้ ไม่ยั่งยืน ไม่คงทน อายุสั้น ต้องจุติมาเป็นอย่างนี้’ | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมูลเหตุที่ ๓ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้วปรารภ | + | </ |
แล้ว จึงมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บาง | แล้ว จึงมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บาง | ||
อย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง | อย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๔๙]< | ||
ปรารภอะไร จึงมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า | ปรารภอะไร จึงมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า | ||
บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์บางคนในโลกนี้เป็น | บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์บางคนในโลกนี้เป็น | ||
บรรทัด 606: | บรรทัด 741: | ||
นี้เรียกว่าอัตตา เป็นของเที่ยงแท้ ยั่งยืน คงทน ไม่ผันแปร จักดำรงอยู่เที่ยงแท้ไป | นี้เรียกว่าอัตตา เป็นของเที่ยงแท้ ยั่งยืน คงทน ไม่ผันแปร จักดำรงอยู่เที่ยงแท้ไป | ||
เช่นนั้นทีเดียว’ | เช่นนั้นทีเดียว’ | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมูลเหตุที่ ๔ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้วปรารภ | + | </ |
แล้ว จึงมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บาง | แล้ว จึงมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บาง | ||
อย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง | อย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p21></ | + | <a name=p21></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop>< | </p class=reftop>< | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๕๐]< | ||
อย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ด้วยมูลเหตุ | อย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ด้วยมูลเหตุ | ||
๔ อย่างนี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บาง | ๔ อย่างนี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกมีวาทะว่า บางอย่างเที่ยง บาง | ||
อย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ด้วยมูลเหตุ | อย่างไม่เที่ยง บัญญัติอัตตาและโลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ด้วยมูลเหตุ | ||
ทั้ง ๔ อย่างนี้ หรือด้วยมูลเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๔ อย่างนี้ ไม่พ้นไปจากนี้ | ทั้ง ๔ อย่างนี้ หรือด้วยมูลเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๔ อย่างนี้ ไม่พ้นไปจากนี้ | ||
- | [๕๑]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๕๑]< | ||
ยึดถืออย่างนี้แล้วย่อมมีคติและภพหน้าอย่างนั้นๆ ตถาคตรู้มูลเหตุนั้นชัดและยังรู้ | ยึดถืออย่างนี้แล้วย่อมมีคติและภพหน้าอย่างนั้นๆ ตถาคตรู้มูลเหตุนั้นชัดและยังรู้ | ||
ชัดยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกจึงไม่ยึดมั่น เมื่อไม่ยึดมั่นจึงรู้ความดับด้วยตนเอง รู้ความเกิด | ชัดยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกจึงไม่ยึดมั่น เมื่อไม่ยึดมั่นจึงรู้ความดับด้วยตนเอง รู้ความเกิด | ||
ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดเวทนาออกตามความเป็นจริง ตถาคตจึง | ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดเวทนาออกตามความเป็นจริง ตถาคตจึง | ||
หลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น | หลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น | ||
- | [๕๒]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๕๒]< | ||
ประณีต ใช้เหตุผลคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ซึ่งตถาคตรู้แจ้งได้ | ประณีต ใช้เหตุผลคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ซึ่งตถาคตรู้แจ้งได้ | ||
เองแล้วสั่งสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตามอันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้องตาม | เองแล้วสั่งสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตามอันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้องตาม | ||
บรรทัด 630: | บรรทัด 773: | ||
< | < | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๕๓]< | ||
ไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ก็ | ไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ก็ | ||
สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไร จึงมีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลก | สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไร จึงมีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลก | ||
ไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง | ไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง | ||
- | <a name=p21attha></ | + | <a name=p21attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p22></ | + | <a name=p22></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop>< | </p class=reftop>< | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๕๔]< | ||
ความเพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ตั้งมั่น ความหมั่นประกอบ ความไม่ | ความเพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ตั้งมั่น ความหมั่นประกอบ ความไม่ | ||
ประมาท และอาศัยการใช้ความคิดอย่างถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำจิต | ประมาท และอาศัยการใช้ความคิดอย่างถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำจิต | ||
ให้ตั้งมั่น จึงเข้าใจว่าโลกมีที่สุด | ให้ตั้งมั่น จึงเข้าใจว่าโลกมีที่สุด | ||
- | เขาจึงพูดอย่างนี้ว่า ‘โลกนี้มีที่สุด มีสัณฐานกลม เพราะเหตุไร เพราะเราอาศัย | + | </ |
ความเพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ตั้งมั่น ความหมั่นประกอบ ความไม่ | ความเพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ตั้งมั่น ความหมั่นประกอบ ความไม่ | ||
ประมาท และอาศัยการใช้ความคิดอย่างถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำ | ประมาท และอาศัยการใช้ความคิดอย่างถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำ | ||
จิตให้ตั้งมั่น จึงเข้าใจว่าโลกมีที่สุด เพราะการบรรลุคุณวิเศษนี้ เราจึงรู้อาการที่โลก | จิตให้ตั้งมั่น จึงเข้าใจว่าโลกมีที่สุด เพราะการบรรลุคุณวิเศษนี้ เราจึงรู้อาการที่โลก | ||
นี้มีที่สุด และมีสัณฐานกลม’ | นี้มีที่สุด และมีสัณฐานกลม’ | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมูลเหตุที่ ๑ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้วปรารภ | + | </ |
แล้ว จึงมีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด | แล้ว จึงมีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๕๕]< | ||
ปรารภอะไร จึงมีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มี | ปรารภอะไร จึงมีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มี | ||
ที่สุด ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้อาศัยความเพียรเครื่อง | ที่สุด ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้อาศัยความเพียรเครื่อง | ||
บรรทัด 660: | บรรทัด 811: | ||
การใช้ความคิดอย่างถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำจิตให้ตั้งมั่น จึงเข้าใจว่า | การใช้ความคิดอย่างถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำจิตให้ตั้งมั่น จึงเข้าใจว่า | ||
โลกไม่มีที่สุด | โลกไม่มีที่สุด | ||
- | เขาจึงพูดอย่างนี้ว่า ‘โลกนี้ไม่มีที่สุด หาที่สุดไม่ได้ สมณพราหมณ์ที่กล่าวอย่าง | + | </ |
นี้ว่า โลกนี้มีที่สุด มีสัณฐานกลม เป็นผู้กล่าวเท็จ (ที่จริงแล้ว) โลกนี้ไม่มีที่สุด หา | นี้ว่า โลกนี้มีที่สุด มีสัณฐานกลม เป็นผู้กล่าวเท็จ (ที่จริงแล้ว) โลกนี้ไม่มีที่สุด หา | ||
ที่สุดไม่ได้ เพราะเหตุไร เพราะเราอาศัยความเพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ตั้ง | ที่สุดไม่ได้ เพราะเหตุไร เพราะเราอาศัยความเพียรเครื่องเผากิเลส ความเพียรที่ตั้ง | ||
บรรทัด 668: | บรรทัด 819: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p23></ | + | <a name=p23></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop></br> | ||
แล้ว จึงมีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด | แล้ว จึงมีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๕๖]< | ||
ปรารภอะไรจึงมีวาทะว่าโลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มี | ปรารภอะไรจึงมีวาทะว่าโลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มี | ||
ที่สุด ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้อาศัยความเพียรเครื่อง | ที่สุด ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้อาศัยความเพียรเครื่อง | ||
บรรทัด 679: | บรรทัด 834: | ||
ใช้ความคิดอย่างถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำจิตให้ตั้งมั่น จึงเข้าใจโลกว่า | ใช้ความคิดอย่างถูกวิธีแล้วบรรลุเจโตสมาธิที่เป็นเหตุทำจิตให้ตั้งมั่น จึงเข้าใจโลกว่า | ||
ด้านบนด้านล่างมีที่สุด ด้านขวางไม่มีที่สุด | ด้านบนด้านล่างมีที่สุด ด้านขวางไม่มีที่สุด | ||
- | เขาจึงพูดอย่างนี้ว่า ‘โลกนี้ทั้งมีที่สุดและไม่มีที่สุด สมณพราหมณ์ที่กล่าวอย่าง | + | </ |
นี้ว่า โลกนี้มีที่สุด มีสัณฐานกลม เป็นผู้กล่าวเท็จ แม้สมณพราหมณ์ที่กล่าวอย่าง | นี้ว่า โลกนี้มีที่สุด มีสัณฐานกลม เป็นผู้กล่าวเท็จ แม้สมณพราหมณ์ที่กล่าวอย่าง | ||
นี้ว่า โลกนี้ไม่มีที่สุด หาที่สุดไม่ได้ ก็เป็นผู้กล่าวเท็จ (ที่จริงแล้ว) โลกนี้ทั้งมีที่สุด | นี้ว่า โลกนี้ไม่มีที่สุด หาที่สุดไม่ได้ ก็เป็นผู้กล่าวเท็จ (ที่จริงแล้ว) โลกนี้ทั้งมีที่สุด | ||
บรรทัด 687: | บรรทัด 842: | ||
ด้านขวางไม่มีที่สุด เพราะการบรรลุคุณวิเศษนี้ เราจึงรู้อาการที่โลกนี้ทั้งมีที่สุดและ | ด้านขวางไม่มีที่สุด เพราะการบรรลุคุณวิเศษนี้ เราจึงรู้อาการที่โลกนี้ทั้งมีที่สุดและ | ||
ไม่มีที่สุด’ | ไม่มีที่สุด’ | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมูลเหตุที่ ๓ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้วปรารภ | + | </ |
แล้ว จึงมีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด | แล้ว จึงมีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๕๗]< | ||
อะไร จึงมีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด | อะไร จึงมีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด | ||
ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้เป็นนักตรรกะ เป็นนัก | ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้เป็นนักตรรกะ เป็นนัก | ||
บรรทัด 698: | บรรทัด 855: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p24></ | + | <a name=p24></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop> | </p class=reftop> | ||
และไม่มีที่สุด ก็เป็นผู้กล่าวเท็จ (ที่จริงแล้ว) โลกนี้มีที่สุดก็มิใช่ ไม่มีที่สุดก็มิใช่’ | และไม่มีที่สุด ก็เป็นผู้กล่าวเท็จ (ที่จริงแล้ว) โลกนี้มีที่สุดก็มิใช่ ไม่มีที่สุดก็มิใช่’ | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมูลเหตุที่ ๔ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้วปรารภ | + | </ |
แล้ว จึงมีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด | แล้ว จึงมีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๕๘]< | ||
ไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่างนี้แล ก็ | ไม่มีที่สุด บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่างนี้แล ก็ | ||
สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวก บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด ด้วยมูลเหตุ | สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวก บัญญัติว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด ด้วยมูลเหตุ | ||
ทั้ง ๔ อย่างนี้หรือด้วยมูลเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๔ อย่างนี้ ไม่พ้นไปจากนี้ | ทั้ง ๔ อย่างนี้หรือด้วยมูลเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๔ อย่างนี้ ไม่พ้นไปจากนี้ | ||
- | [๕๙]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๕๙]< | ||
ยึดถืออย่างนี้แล้วย่อมมีคติและภพหน้าอย่างนั้นๆ ตถาคตรู้มูลเหตุนั้นชัด และยังรู้ | ยึดถืออย่างนี้แล้วย่อมมีคติและภพหน้าอย่างนั้นๆ ตถาคตรู้มูลเหตุนั้นชัด และยังรู้ | ||
ชัดยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกจึงไม่ยึดมั่น เมื่อไม่ยึดมั่นจึงรู้ความดับด้วยตนเอง รู้ความเกิด | ชัดยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกจึงไม่ยึดมั่น เมื่อไม่ยึดมั่นจึงรู้ความดับด้วยตนเอง รู้ความเกิด | ||
ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดเวทนาออกตามความเป็นจริง ตถาคตจึง | ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดเวทนาออกตามความเป็นจริง ตถาคตจึง | ||
หลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น | หลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น | ||
- | [๖๐]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๖๐]< | ||
ประณีต ใช้เหตุผลคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ซึ่งตถาคตรู้แจ้งได้ | ประณีต ใช้เหตุผลคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ซึ่งตถาคตรู้แจ้งได้ | ||
เองแล้วสั่งสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตามอันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้องตาม | เองแล้วสั่งสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตามอันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้องตาม | ||
บรรทัด 720: | บรรทัด 885: | ||
< | < | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๖๑]< | ||
พอถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อมกล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอนด้วยมูลเหตุ ๔ | พอถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อมกล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอนด้วยมูลเหตุ ๔ | ||
อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไรจึงมีวาทะหลบเลี่ยง | อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไรจึงมีวาทะหลบเลี่ยง | ||
- | <a name=p24attha></ | + | <a name=p24attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p25></ | + | <a name=p25></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop> | </p class=reftop> | ||
มูลเหตุ ๔ อย่าง | มูลเหตุ ๔ อย่าง | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๖๒]< | ||
ตามความเป็นจริงว่า ‘สิ่งนี้เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล’ เขามีความเห็นอย่างนี้ว่า | ตามความเป็นจริงว่า ‘สิ่งนี้เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล’ เขามีความเห็นอย่างนี้ว่า | ||
รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า สิ่งนี้เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ก็ถ้าเราไม่รู้ชัดว่า สิ่งนี้เป็น | รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า สิ่งนี้เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ก็ถ้าเราไม่รู้ชัดว่า สิ่งนี้เป็น | ||
บรรทัด 741: | บรรทัด 912: | ||
ถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ จึงกล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอนว่า ‘เรามีความเห็นว่า | ถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ จึงกล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอนว่า ‘เรามีความเห็นว่า | ||
อย่างนี้ก็มิใช่ อย่างนั้นก็มิใช่ อย่างอื่นก็มิใช่ จะว่าไม่ใช่ก็มิใช่ จะว่ามิใช่ไม่ใช่ก็มิใช่’ | อย่างนี้ก็มิใช่ อย่างนั้นก็มิใช่ อย่างอื่นก็มิใช่ จะว่าไม่ใช่ก็มิใช่ จะว่ามิใช่ไม่ใช่ก็มิใช่’ | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมูลเหตุที่ ๑ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้วปรารภ | + | </ |
แล้ว จึงมีวาทะหลบเลี่ยงไม่แน่นอน พอถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อมกล่าว | แล้ว จึงมีวาทะหลบเลี่ยงไม่แน่นอน พอถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อมกล่าว | ||
หลบเลี่ยงไม่แน่นอน | หลบเลี่ยงไม่แน่นอน | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๖๓]< | ||
ปรารภอะไร จึงมีวาทะหลบเลี่ยงไม่แน่นอน พอถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อม | ปรารภอะไร จึงมีวาทะหลบเลี่ยงไม่แน่นอน พอถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อม | ||
กล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอน ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ไม่รู้ | กล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอน ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ไม่รู้ | ||
บรรทัด 755: | บรรทัด 928: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p26></ | + | <a name=p26></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop></br> | ||
รังเกียจการยึดมั่น เมื่อถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ จึงกล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอน | รังเกียจการยึดมั่น เมื่อถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ จึงกล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอน | ||
ว่า ‘เรามีความเห็นว่า อย่างนี้ก็มิใช่ อย่างนั้นก็มิใช่ อย่างอื่นก็มิใช่ จะว่าไม่ใช่ก็มิใช่ | ว่า ‘เรามีความเห็นว่า อย่างนี้ก็มิใช่ อย่างนั้นก็มิใช่ อย่างอื่นก็มิใช่ จะว่าไม่ใช่ก็มิใช่ | ||
จะว่ามิใช่ไม่ใช่ก็มิใช่’ | จะว่ามิใช่ไม่ใช่ก็มิใช่’ | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมูลเหตุที่ ๒ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้ว | + | </ |
ปรารภแล้วจึงมีวาทะหลบเลี่ยงไม่แน่นอน พอถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อม | ปรารภแล้วจึงมีวาทะหลบเลี่ยงไม่แน่นอน พอถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อม | ||
กล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอน | กล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอน | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๖๔]< | ||
อะไร จึงมีวาทะหลบเลี่ยงไม่แน่นอน เมื่อถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อมกล่าว | อะไร จึงมีวาทะหลบเลี่ยงไม่แน่นอน เมื่อถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อมกล่าว | ||
หลบเลี่ยงไม่แน่นอน ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ไม่รู้ชัดตาม | หลบเลี่ยงไม่แน่นอน ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ไม่รู้ชัดตาม | ||
บรรทัด 778: | บรรทัด 955: | ||
กล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอนว่า ‘เรามีความเห็นว่า อย่างนี้ก็มิใช่ อย่างนั้นก็มิใช่ อย่าง | กล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอนว่า ‘เรามีความเห็นว่า อย่างนี้ก็มิใช่ อย่างนั้นก็มิใช่ อย่าง | ||
อื่นก็มิใช่ จะว่าไม่ใช่ก็มิใช่ จะว่ามิใช่ไม่ใช่ก็มิใช่’ | อื่นก็มิใช่ จะว่าไม่ใช่ก็มิใช่ จะว่ามิใช่ไม่ใช่ก็มิใช่’ | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมูลเหตุที่ ๓ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้วปรารภ | + | </ |
แล้ว จึงมีวาทะหลบเลี่ยงไม่แน่นอน พอถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อมกล่าว | แล้ว จึงมีวาทะหลบเลี่ยงไม่แน่นอน พอถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อมกล่าว | ||
หลบเลี่ยงไม่แน่นอน | หลบเลี่ยงไม่แน่นอน | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p27></ | + | <a name=p27></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop>< | </p class=reftop>< | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๖๕]< | ||
ปรารภอะไรจึงมีวาทะหลบเลี่ยงไม่แน่นอน เมื่อถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อม | ปรารภอะไรจึงมีวาทะหลบเลี่ยงไม่แน่นอน เมื่อถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อม | ||
กล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอน ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้เป็น | กล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอน ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้เป็น | ||
บรรทัด 806: | บรรทัด 987: | ||
ว่าไม่เกิดอีกก็มิใช่ แต่เรามีความเห็นว่า อย่างนี้ก็มิใช่ อย่างนั้นก็มิใช่ อย่างอื่นก็มิใช่ | ว่าไม่เกิดอีกก็มิใช่ แต่เรามีความเห็นว่า อย่างนี้ก็มิใช่ อย่างนั้นก็มิใช่ อย่างอื่นก็มิใช่ | ||
จะว่าไม่ใช่ก็มิใช่ จะว่ามิใช่ไม่ใช่ก็มิใช่’ | จะว่าไม่ใช่ก็มิใช่ จะว่ามิใช่ไม่ใช่ก็มิใช่’ | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมูลเหตุที่ ๔ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้วปรารภ | + | </ |
แล้ว จึงมีวาทะหลบเลี่ยงไม่แน่นอน พอถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อมกล่าว | แล้ว จึงมีวาทะหลบเลี่ยงไม่แน่นอน พอถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อมกล่าว | ||
หลบเลี่ยงไม่แน่นอน | หลบเลี่ยงไม่แน่นอน | ||
- | <a name=p27attha></ | + | <a name=p27attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
บรรทัด 816: | บรรทัด 997: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p28></ | + | <a name=p28></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop>< | </p class=reftop>< | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๖๖]< | ||
ถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อมกล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอน ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง | ถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อมกล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอน ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง | ||
นี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกพอถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อม | นี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกพอถูกถามปัญหาในประเด็นนั้นๆ ย่อม | ||
บรรทัด 827: | บรรทัด 1012: | ||
< | < | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๖๗]< | ||
เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย บัญญัติอัตตาและโลกว่า เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย ด้วย | เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย บัญญัติอัตตาและโลกว่า เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย ด้วย | ||
มูลเหตุ ๒ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไรจึงมีวาทะ | มูลเหตุ ๒ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไรจึงมีวาทะ | ||
บรรทัด 833: | บรรทัด 1020: | ||
เหตุปัจจัย ด้วยมูลเหตุ ๒ อย่าง | เหตุปัจจัย ด้วยมูลเหตุ ๒ อย่าง | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๖๘]< | ||
ชั้นนั้นเพราะเกิดสัญญาขึ้น ข้อที่สัตว์ผู้จุติจากชั้นนั้นแล้วมาเป็นอย่างนี้ เป็นสิ่งที่เป็น | ชั้นนั้นเพราะเกิดสัญญาขึ้น ข้อที่สัตว์ผู้จุติจากชั้นนั้นแล้วมาเป็นอย่างนี้ เป็นสิ่งที่เป็น | ||
ไปได้ เมื่อเขามาเป็นอย่างนี้แล้วออกจากเรือนไปบวชเป็นบรรพชิต เมื่อบวชแล้ว | ไปได้ เมื่อเขามาเป็นอย่างนี้แล้วออกจากเรือนไปบวชเป็นบรรพชิต เมื่อบวชแล้ว | ||
บรรทัด 841: | บรรทัด 1030: | ||
‘อัตตาและโลกเกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย เพราะเหตุไร เพราะเมื่อก่อนเราไม่ได้มีแล้ว | ‘อัตตาและโลกเกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย เพราะเหตุไร เพราะเมื่อก่อนเราไม่ได้มีแล้ว | ||
บัดนี้ก็ไม่มี จึงน้อมไปเพื่อเป็นผู้สงบ’ | บัดนี้ก็ไม่มี จึงน้อมไปเพื่อเป็นผู้สงบ’ | ||
- | <a name=p28attha></ | + | <a name=p28attha></ |
< | < | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p29></ | + | <a name=p29></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop></br> | ||
แล้ว จึงมีวาทะว่า อัตตาและโลกเกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย บัญญัติอัตตาและโลก | แล้ว จึงมีวาทะว่า อัตตาและโลกเกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย บัญญัติอัตตาและโลก | ||
ว่า เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย | ว่า เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๖๙]< | ||
ปรารภอะไร จึงมีวาทะว่า อัตตาและโลกเกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย บัญญัติอัตตาและ | ปรารภอะไร จึงมีวาทะว่า อัตตาและโลกเกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย บัญญัติอัตตาและ | ||
โลกว่า เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลก | โลกว่า เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย ภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลก | ||
นี้เป็นนักตรรกะ เป็นนักอภิปรัชญา แสดงทรรศนะของตนตามหลักเหตุผลและการ | นี้เป็นนักตรรกะ เป็นนักอภิปรัชญา แสดงทรรศนะของตนตามหลักเหตุผลและการ | ||
คาดคะเนความจริงอย่างนี้ว่า ‘อัตตาและโลกเกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย’ | คาดคะเนความจริงอย่างนี้ว่า ‘อัตตาและโลกเกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย’ | ||
- | ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมูลเหตุที่ ๒ ซึ่งสมณพราหมณ์พวกหนึ่งอาศัยแล้วปรารภ | + | </ |
แล้ว จึงมีวาทะว่า อัตตาและโลกเกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย บัญญัติอัตตาและโลกว่า | แล้ว จึงมีวาทะว่า อัตตาและโลกเกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย บัญญัติอัตตาและโลกว่า | ||
เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย | เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๗๐]< | ||
เองไม่มีเหตุปัจจัย บัญญัติอัตตาและโลกว่า เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย ด้วยมูลเหตุ ๒ | เองไม่มีเหตุปัจจัย บัญญัติอัตตาและโลกว่า เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย ด้วยมูลเหตุ ๒ | ||
อย่างนี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกมีวาทะว่า อัตตาและโลกเกิดขึ้นเองไม่ | อย่างนี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกมีวาทะว่า อัตตาและโลกเกิดขึ้นเองไม่ | ||
บรรทัด 867: | บรรทัด 1062: | ||
เป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้องตามความเป็นจริง | เป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้องตามความเป็นจริง | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๗๑]< | ||
มีความเห็นคล้อยตามขันธ์ส่วนอดีต ปรารภขันธ์ส่วนอดีต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิ | มีความเห็นคล้อยตามขันธ์ส่วนอดีต ปรารภขันธ์ส่วนอดีต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิ | ||
ต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๑๘ อย่างนี้แล ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวก กล่าว | ต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๑๘ อย่างนี้แล ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวก กล่าว | ||
บรรทัด 874: | บรรทัด 1071: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p30></ | + | <a name=p30></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop> | ||
+ | |||
+ | [๗๒]< | ||
ถืออย่างนี้แล้ว ย่อมมีคติและภพหน้าอย่างนั้นๆ ตถาคตรู้มูลเหตุนั้นชัด และยัง | ถืออย่างนี้แล้ว ย่อมมีคติและภพหน้าอย่างนั้นๆ ตถาคตรู้มูลเหตุนั้นชัด และยัง | ||
รู้ชัดยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกจึงไม่ยึดมั่น เมื่อไม่ยึดมั่นจึงรู้ความดับด้วยตนเอง รู้ความ | รู้ชัดยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกจึงไม่ยึดมั่น เมื่อไม่ยึดมั่นจึงรู้ความดับด้วยตนเอง รู้ความ | ||
เกิด ความดับ คุณ โทษแห่งเวทนา และอุบายเครื่องสลัดเวทนาออกตามความเป็น | เกิด ความดับ คุณ โทษแห่งเวทนา และอุบายเครื่องสลัดเวทนาออกตามความเป็น | ||
จริง ตถาคตจึงหลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น | จริง ตถาคตจึงหลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น | ||
- | [๗๓]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๗๓]< | ||
ประณีต ใช้เหตุผลคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ซึ่งตถาคตรู้แจ้งได้ | ประณีต ใช้เหตุผลคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ซึ่งตถาคตรู้แจ้งได้ | ||
เองแล้วสั่งสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตามอันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้องตาม | เองแล้วสั่งสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตามอันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้องตาม | ||
บรรทัด 887: | บรรทัด 1090: | ||
< | < | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๗๔]< | ||
อนาคต เห็นคล้อยตามขันธ์ส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ส่วนอนาคต ประกาศวาทะ | อนาคต เห็นคล้อยตามขันธ์ส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ส่วนอนาคต ประกาศวาทะ | ||
แสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๔๔ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัย | แสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๔๔ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัย | ||
บรรทัด 894: | บรรทัด 1099: | ||
< | < | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๗๕]< | ||
แล้วมีสัญญา บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๑๖ อย่าง ก็ | แล้วมีสัญญา บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๑๖ อย่าง ก็ | ||
สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไรจึงมีวาทะว่า อัตตาหลังจาก | สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไรจึงมีวาทะว่า อัตตาหลังจาก | ||
ตายแล้วมีสัญญา บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๑๖ อย่าง | ตายแล้วมีสัญญา บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๑๖ อย่าง | ||
- | <a name=p30attha></ | + | <a name=p30attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p31></ | + | <a name=p31></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
- | | + | </p class=reftop></ |
- | | + | </p class=reftop> |
- | | + | |
- | | + | [๗๖]< |
+ | </ | ||
+ | </ | ||
+ | </ | ||
+ | </ | ||
สัญญา | สัญญา | ||
- | ๒๓. (๕) อัตตาที่มีที่สุด ยั่งยืน หลังจากตายแล้วมีสัญญา | + | </ |
- | | + | </ |
- | | + | </ |
สัญญา | สัญญา | ||
- | ๒๖. (๘) อัตตาที่มีที่สุดก็มิใช่ ไม่มีที่สุดก็มิใช่ ยั่งยืน หลังจากตาย | + | </ |
แล้วมีสัญญา | แล้วมีสัญญา | ||
- | ๒๗. (๙) อัตตาที่มีสัญญาอย่างเดียวกัน ยั่งยืน หลังจากตายแล้วมี | + | </ |
สัญญา | สัญญา | ||
- | ๒๘. (๑๐) อัตตาที่มีสัญญาต่างกัน ยั่งยืน หลังจากตายแล้วมีสัญญา | + | </ |
- | | + | </ |
- | | + | </ |
มีสัญญา | มีสัญญา | ||
- | ๓๑. (๑๓) อัตตาที่มีสุขอย่างเดียว ยั่งยืน หลังจากตายแล้วมีสัญญา | + | </ |
- | | + | </ |
- | | + | </ |
- | | + | </ |
สัญญา | สัญญา | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p32></ | + | <a name=p32></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop>< | </p class=reftop>< | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๗๗]< | ||
แล้วมีสัญญา บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๑๖ อย่างนี้แล | แล้วมีสัญญา บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๑๖ อย่างนี้แล | ||
ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกมีวาทะว่า อัตตาหลังจากตายแล้วมีสัญญา | ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกมีวาทะว่า อัตตาหลังจากตายแล้วมีสัญญา | ||
บรรทัด 942: | บรรทัด 1157: | ||
</ | </ | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๗๘]< | ||
แล้วไม่มีสัญญา บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่าง | แล้วไม่มีสัญญา บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่าง | ||
ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไรจึงมีวาทะว่า อัตตาหลังจากตาย | ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไรจึงมีวาทะว่า อัตตาหลังจากตาย | ||
แล้วไม่มีสัญญา บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่าง | แล้วไม่มีสัญญา บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่าง | ||
- | [๗๙]< | + | </ |
- | | + | |
- | | + | [๗๙]< |
- | | + | </ |
+ | </ | ||
+ | </ | ||
สัญญา | สัญญา | ||
- | ๓๘. (๔) อัตตาที่มีรูปก็มิใช่ ไม่มีรูปก็มิใช่ ยั่งยืน หลังจากตายแล้วไม่ | + | </ |
มีสัญญา | มีสัญญา | ||
- | ๓๙. (๕) อัตตาที่มีที่สุด ยั่งยืน หลังจากตายแล้วไม่มีสัญญา | + | </ |
- | | + | </ |
- | | + | </ |
สัญญา | สัญญา | ||
- | ๔๒. (๘) อัตตาที่มีที่สุดก็มิใช่ ไม่มีที่สุดก็มิใช่ ยั่งยืน หลังจากตายแล้ว | + | </ |
ไม่มีสัญญา | ไม่มีสัญญา | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p33></ | + | <a name=p33></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop> | ||
+ | |||
+ | [๘๐]< | ||
แล้วไม่มีสัญญา บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่างนี้ | แล้วไม่มีสัญญา บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่างนี้ | ||
แล สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกมีวาทะว่า อัตตาหลังจากตายแล้วไม่มี | แล สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกมีวาทะว่า อัตตาหลังจากตายแล้วไม่มี | ||
บรรทัด 971: | บรรทัด 1194: | ||
< | < | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๘๑]< | ||
ตายแล้วมีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญา | ตายแล้วมีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญา | ||
ก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัย | ก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัย | ||
บรรทัด 977: | บรรทัด 1202: | ||
ก็มิใช่ บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ด้วยมูลเหตุ | ก็มิใช่ บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ด้วยมูลเหตุ | ||
๘ อย่าง | ๘ อย่าง | ||
- | [๘๒]< | + | </ |
- | | + | |
+ | [๘๒]< | ||
+ | </ | ||
สัญญาก็มิใช่ | สัญญาก็มิใช่ | ||
- | ๔๔. (๒) อัตตาที่ไม่มีรูป ยั่งยืน หลังจากตายแล้ว มีสัญญาก็มิใช่ ไม่ | + | </ |
มีสัญญาก็มิใช่ | มีสัญญาก็มิใช่ | ||
- | ๔๕. (๓) อัตตาทั้งที่มีรูปและไม่มีรูป ยั่งยืน หลังจากตายแล้ว มี | + | </ |
สัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ | สัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ | ||
- | ๔๖. (๔) อัตตาที่มีรูปก็มิใช่ ไม่มีรูปก็มิใช่ ยั่งยืน หลังจากตายแล้ว | + | </ |
มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ | มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ | ||
- | ๔๗. (๕) อัตตาที่มีที่สุด ยั่งยืน หลังจากตายแล้ว มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มี | + | </ |
สัญญาก็มิใช่ | สัญญาก็มิใช่ | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p34></ | + | <a name=p34></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop></br> | ||
ไม่มีสัญญาก็มิใช่ | ไม่มีสัญญาก็มิใช่ | ||
- | ๔๙. (๗) อัตตาทั้งที่มีที่สุดและไม่มีที่สุด ยั่งยืน หลังจากตายแล้ว มี | + | </ |
สัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ | สัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ | ||
- | ๕๐. (๘) อัตตาที่มีที่สุดก็มิใช่ ไม่มีที่สุดก็มิใช่ ยั่งยืน หลังจากตายแล้ว | + | </ |
มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ | มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ | ||
- | [๘๓]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๘๓]< | ||
แล้ว มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่า มีสัญญา | แล้ว มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่า มีสัญญา | ||
ก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่างนี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุก | ก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่างนี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุก | ||
บรรทัด 1007: | บรรทัด 1238: | ||
< | < | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๘๔]< | ||
อัตตาขาดสูญ บัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์ | อัตตาขาดสูญ บัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์ | ||
ด้วยมูลเหตุ ๗ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไรจึงมี | ด้วยมูลเหตุ ๗ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไรจึงมี | ||
วาทะว่า หลังจากตายแล้ว อัตตาขาดสูญ บัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และ | วาทะว่า หลังจากตายแล้ว อัตตาขาดสูญ บัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และ | ||
ความไม่เกิดอีกของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๗ อย่าง | ความไม่เกิดอีกของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๗ อย่าง | ||
- | [๘๕]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๘๕]< | ||
‘ท่านผู้เจริญ อัตตานี้มีรูปมาจากมหาภูตรูป ๔ เกิดจากบิดามารดา หลังจากตายแล้ว | ‘ท่านผู้เจริญ อัตตานี้มีรูปมาจากมหาภูตรูป ๔ เกิดจากบิดามารดา หลังจากตายแล้ว | ||
อัตตาย่อมขาดสูญพินาศ ไม่เกิดอีก ด้วยเหตุเพียงเท่านี้อัตตานี้จึงขาดสูญเด็ดขาด’ | อัตตาย่อมขาดสูญพินาศ ไม่เกิดอีก ด้วยเหตุเพียงเท่านี้อัตตานี้จึงขาดสูญเด็ดขาด’ | ||
สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีกของ | สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีกของ | ||
สัตว์อย่างนี้ | สัตว์อย่างนี้ | ||
- | <a name=p34attha></ | + | <a name=p34attha></ |
< | < | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p35></ | + | <a name=p35></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop> | ||
+ | |||
+ | [๘๖]< | ||
นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | ||
อัตตานี้ไม่ใช่ขาดสูญเด็ดขาดเพราะเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอื่นที่เป็นทิพย์ มีรูปเป็น | อัตตานี้ไม่ใช่ขาดสูญเด็ดขาดเพราะเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอื่นที่เป็นทิพย์ มีรูปเป็น | ||
บรรทัด 1030: | บรรทัด 1269: | ||
เด็ดขาด’ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่ | เด็ดขาด’ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่ | ||
เกิดอีกของสัตว์อย่างนี้ | เกิดอีกของสัตว์อย่างนี้ | ||
- | [๘๗]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๘๗]< | ||
นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | ||
อัตตานี้ไม่ใช่ขาดสูญเด็ดขาดเพราะเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอื่นที่เป็นทิพย์ มีรูป | อัตตานี้ไม่ใช่ขาดสูญเด็ดขาดเพราะเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอื่นที่เป็นทิพย์ มีรูป | ||
บรรทัด 1037: | บรรทัด 1278: | ||
อัตตาจึงขาดสูญเด็ดขาด’ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติความขาดสูญ ความ | อัตตาจึงขาดสูญเด็ดขาด’ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติความขาดสูญ ความ | ||
พินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์อย่างนี้ | พินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์อย่างนี้ | ||
- | [๘๘]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๘๘]< | ||
คนนั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี | คนนั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี | ||
แต่อัตตานี้ไม่ใช่ขาดสูญเด็ดขาดเพราะเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอื่นที่ถึงชั้น | แต่อัตตานี้ไม่ใช่ขาดสูญเด็ดขาดเพราะเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอื่นที่ถึงชั้น | ||
บรรทัด 1045: | บรรทัด 1288: | ||
นี้อัตตาจึงขาดสูญเด็ดขาด’ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติความขาดสูญ ความ | นี้อัตตาจึงขาดสูญเด็ดขาด’ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติความขาดสูญ ความ | ||
พินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์อย่างนี้ | พินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์อย่างนี้ | ||
- | [๘๙]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๘๙]< | ||
นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | ||
- | <a name=p35attha></ | + | <a name=p35attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p36></ | + | <a name=p36></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop> | </p class=reftop> | ||
จายตนะ โดยกำหนดว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้ เพราะล่วงอากาสานัญจายตนะได้โดย | จายตนะ โดยกำหนดว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้ เพราะล่วงอากาสานัญจายตนะได้โดย | ||
บรรทัด 1059: | บรรทัด 1306: | ||
สูญพินาศไม่เกิดอีก ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อัตตาจึงขาดสูญเด็ดขาด’ สมณพราหมณ์ | สูญพินาศไม่เกิดอีก ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อัตตาจึงขาดสูญเด็ดขาด’ สมณพราหมณ์ | ||
พวกหนึ่งบัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์อย่างนี้ | พวกหนึ่งบัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์อย่างนี้ | ||
- | [๙๐]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๙๐]< | ||
นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | ||
อัตตานี้ไม่ใช่ขาดสูญเด็ดขาดเพราะเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอื่นที่ถึงชั้น | อัตตานี้ไม่ใช่ขาดสูญเด็ดขาดเพราะเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอื่นที่ถึงชั้น | ||
บรรทัด 1067: | บรรทัด 1316: | ||
สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีก | สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีก | ||
ของสัตว์อย่างนี้ | ของสัตว์อย่างนี้ | ||
- | [๙๑]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๙๑]< | ||
นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | ||
อัตตานี้ไม่ใช่ขาดสูญเด็ดขาดเพราะเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอื่นที่ถึงชั้นเนว- | อัตตานี้ไม่ใช่ขาดสูญเด็ดขาดเพราะเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอื่นที่ถึงชั้นเนว- | ||
บรรทัด 1075: | บรรทัด 1326: | ||
เด็ดขาด’ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่ | เด็ดขาด’ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่ | ||
เกิดอีกของสัตว์อย่างนี้ | เกิดอีกของสัตว์อย่างนี้ | ||
- | [๙๒]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๙๒]< | ||
อัตตาขาดสูญ บัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์ด้วย | อัตตาขาดสูญ บัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์ด้วย | ||
มูลเหตุ ๗ อย่างนี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกมีวาทะว่าหลังจาก | มูลเหตุ ๗ อย่างนี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกมีวาทะว่าหลังจาก | ||
บรรทัด 1083: | บรรทัด 1336: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p37></ | + | <a name=p37></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop>< | </p class=reftop>< | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๙๓]< | ||
เป็นนิพพานในปัจจุบัน บัญญัตินิพพานในปัจจุบันว่า เป็นบรมธรรมของสัตว์ ด้วย | เป็นนิพพานในปัจจุบัน บัญญัตินิพพานในปัจจุบันว่า เป็นบรมธรรมของสัตว์ ด้วย | ||
มูลเหตุ ๕ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไรจึงมีวาทะ | มูลเหตุ ๕ อย่าง ก็สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นอาศัยอะไรปรารภอะไรจึงมีวาทะ | ||
ว่า มีสภาพบางอย่างเป็นนิพพานในปัจจุบัน บัญญัตินิพพานในปัจจุบันว่า เป็น | ว่า มีสภาพบางอย่างเป็นนิพพานในปัจจุบัน บัญญัตินิพพานในปัจจุบันว่า เป็น | ||
บรมธรรมของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๕ อย่าง | บรมธรรมของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๕ อย่าง | ||
- | [๙๔]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๙๔]< | ||
ว่า ‘ท่านผู้เจริญ เพราะเหตุที่อัตตานี้เอิบอิ่มเพลิดเพลินอยู่ด้วยกามคุณ ๕ จึงชื่อว่า | ว่า ‘ท่านผู้เจริญ เพราะเหตุที่อัตตานี้เอิบอิ่มเพลิดเพลินอยู่ด้วยกามคุณ ๕ จึงชื่อว่า | ||
บรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรม’ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัตินิพพาน | บรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรม’ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัตินิพพาน | ||
ในปัจจุบันว่า เป็นบรมธรรมของสัตว์อย่างนี้ | ในปัจจุบันว่า เป็นบรมธรรมของสัตว์อย่างนี้ | ||
- | [๙๕]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๙๕]< | ||
นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | ||
อัตตานี้ไม่ใช่จะบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรมได้เพราะเหตุเพียงเท่า | อัตตานี้ไม่ใช่จะบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรมได้เพราะเหตุเพียงเท่า | ||
บรรทัด 1105: | บรรทัด 1366: | ||
จึงชื่อว่าบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรม’ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติ | จึงชื่อว่าบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรม’ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติ | ||
นิพพานในปัจจุบันว่า เป็นบรมธรรมของสัตว์อย่างนี้ | นิพพานในปัจจุบันว่า เป็นบรมธรรมของสัตว์อย่างนี้ | ||
- | [๙๖]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๙๖]< | ||
นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | ||
อัตตานี้ไม่ใช่จะบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรมได้เพราะเหตุเพียงเท่า | อัตตานี้ไม่ใช่จะบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรมได้เพราะเหตุเพียงเท่า | ||
- | <a name=p37attha></ | + | <a name=p37attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
บรรทัด 1114: | บรรทัด 1377: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p38></ | + | <a name=p38></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop> | </p class=reftop> | ||
เพราะเหตุที่วิตกวิจารสงบไป อัตตานี้จึงบรรลุทุติยฌานมีความผ่องใสในภายใน | เพราะเหตุที่วิตกวิจารสงบไป อัตตานี้จึงบรรลุทุติยฌานมีความผ่องใสในภายใน | ||
บรรทัด 1121: | บรรทัด 1386: | ||
จึงชื่อว่าบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรม’ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติ | จึงชื่อว่าบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรม’ สมณพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติ | ||
นิพพานในปัจจุบันว่าเป็นบรมธรรมของสัตว์อย่างนี้ | นิพพานในปัจจุบันว่าเป็นบรมธรรมของสัตว์อย่างนี้ | ||
- | [๙๗]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๙๗]< | ||
นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | ||
อัตตานี้ไม่ใช่จะบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรมได้เพราะเหตุเพียงเท่านี้ | อัตตานี้ไม่ใช่จะบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรมได้เพราะเหตุเพียงเท่านี้ | ||
บรรทัด 1129: | บรรทัด 1396: | ||
มีสติอยู่เป็นสุข จึงชื่อว่าบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรม’ สมณพราหมณ์ | มีสติอยู่เป็นสุข จึงชื่อว่าบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรม’ สมณพราหมณ์ | ||
พวกหนึ่งบัญญัตินิพพานในปัจจุบันว่าเป็นบรมธรรมของสัตว์อย่างนี้ | พวกหนึ่งบัญญัตินิพพานในปัจจุบันว่าเป็นบรมธรรมของสัตว์อย่างนี้ | ||
- | [๙๘]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๙๘]< | ||
นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | นั้นอย่างนี้ว่า ‘ท่านผู้เจริญ อัตตาที่ท่านพูดถึงนั้นมีจริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่ | ||
อัตตานี้ไม่ใช่จะบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรมได้เพราะเหตุเพียงเท่า | อัตตานี้ไม่ใช่จะบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรมได้เพราะเหตุเพียงเท่า | ||
บรรทัด 1138: | บรรทัด 1407: | ||
ปัจจุบันว่าเป็นบรมธรรมของสัตว์อย่างนี้ | ปัจจุบันว่าเป็นบรมธรรมของสัตว์อย่างนี้ | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๙๙]< | ||
เป็นนิพพานในปัจจุบัน บัญญัตินิพพานในปัจจุบันว่า เป็นบรมธรรมของสัตว์ ด้วย | เป็นนิพพานในปัจจุบัน บัญญัตินิพพานในปัจจุบันว่า เป็นบรมธรรมของสัตว์ ด้วย | ||
มูลเหตุ ๕ อย่างนี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกมีวาทะว่า มีสภาพ | มูลเหตุ ๕ อย่างนี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวกมีวาทะว่า มีสภาพ | ||
บรรทัด 1144: | บรรทัด 1415: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p39></ | + | <a name=p39></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop> | </p class=reftop> | ||
พ้นไปจากนี้ ฯลฯ อันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้องตามความเป็นจริง | พ้นไปจากนี้ ฯลฯ อันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้องตามความเป็นจริง | ||
- | [๑๐๐]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๐๐]< | ||
อนาคต เห็นคล้อยตามขันธ์ส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ส่วนอนาคต ประกาศวาทะ | อนาคต เห็นคล้อยตามขันธ์ส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ส่วนอนาคต ประกาศวาทะ | ||
แสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๔๔ อย่างนี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวก | แสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๔๔ อย่างนี้แล ก็สมณพราหมณ์เหล่านั้นทุกจำพวก | ||
บรรทัด 1155: | บรรทัด 1430: | ||
อย่างหนึ่งใน ๔๔ อย่างนี้ ไม่พ้นไปจากนี้ ฯลฯ อันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่อง | อย่างหนึ่งใน ๔๔ อย่างนี้ ไม่พ้นไปจากนี้ ฯลฯ อันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่อง | ||
ตถาคตถูกต้องตามความเป็นจริง | ตถาคตถูกต้องตามความเป็นจริง | ||
- | [๑๐๑]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๐๑]< | ||
กำหนดขันธ์ส่วนอนาคต และพวกที่กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ล้วนมี | กำหนดขันธ์ส่วนอนาคต และพวกที่กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ล้วนมี | ||
ความเห็นคล้อยตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตและ | ความเห็นคล้อยตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตและ | ||
อนาคต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๖๒ อย่างนี้แล | อนาคต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๖๒ อย่างนี้แล | ||
- | [๑๐๒]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๐๒]< | ||
กำหนดขันธ์ส่วนอนาคต หรือที่กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ล้วนมีความ | กำหนดขันธ์ส่วนอนาคต หรือที่กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ล้วนมีความ | ||
เห็นคล้อยตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต | เห็นคล้อยตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต | ||
ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุทั้ง ๖๒ อย่างนี้ หรือด้วยมูลเหตุอย่างใด | ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุทั้ง ๖๒ อย่างนี้ หรือด้วยมูลเหตุอย่างใด | ||
อย่างหนึ่งใน ๖๒ อย่างนี้ ไม่พ้นไปจากนี้ | อย่างหนึ่งใน ๖๒ อย่างนี้ ไม่พ้นไปจากนี้ | ||
- | [๑๐๓]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๐๓]< | ||
ยึดถืออย่างนี้แล้วย่อมมีคติและภพหน้าอย่างนั้นๆ ตถาคตรู้มูลเหตุนั้นชัด และยังรู้ | ยึดถืออย่างนี้แล้วย่อมมีคติและภพหน้าอย่างนั้นๆ ตถาคตรู้มูลเหตุนั้นชัด และยังรู้ | ||
ชัดยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกจึงไม่ยึดมั่น เมื่อไม่ยึดมั่นจึงรู้ความดับด้วยตนเอง รู้ความเกิด | ชัดยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกจึงไม่ยึดมั่น เมื่อไม่ยึดมั่นจึงรู้ความดับด้วยตนเอง รู้ความเกิด | ||
ความดับ คุณ โทษแห่งเวทนา และอุบายเครื่องสลัดเวทนาออกตามความเป็นจริง | ความดับ คุณ โทษแห่งเวทนา และอุบายเครื่องสลัดเวทนาออกตามความเป็นจริง | ||
ตถาคตจึงหลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น | ตถาคตจึงหลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น | ||
- | [๑๐๔]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๐๔]< | ||
ประณีต ใช้เหตุผลคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ซึ่งตถาคตรู้แจ้งได้ | ประณีต ใช้เหตุผลคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ซึ่งตถาคตรู้แจ้งได้ | ||
เองแล้วสั่งสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตามอันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้องตาม | เองแล้วสั่งสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตามอันเป็นเหตุให้คนกล่าวยกย่องตถาคตถูกต้องตาม | ||
บรรทัด 1176: | บรรทัด 1459: | ||
</ | </ | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p40></ | + | <a name=p40></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop>< | </p class=reftop>< | ||
</ | </ | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๐๕]< | ||
บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเป็นความเข้าใจของ | บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเป็นความเข้าใจของ | ||
พวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเท่านั้น | พวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเท่านั้น | ||
- | [๑๐๖]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๐๖]< | ||
โลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเป็นความเข้า | โลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเป็นความเข้า | ||
ใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเหมือนกัน | ใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเหมือนกัน | ||
- | [๑๐๗]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๐๗]< | ||
ไม่มีที่สุด ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเป็นความเข้าใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็น | ไม่มีที่สุด ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเป็นความเข้าใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็น | ||
ความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเหมือนกัน | ความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเหมือนกัน | ||
- | [๑๐๘]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๐๘]< | ||
ย่อมกล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอน ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเป็นความเข้าใจของพวก | ย่อมกล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอน ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเป็นความเข้าใจของพวก | ||
เขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเหมือนกัน | เขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเหมือนกัน | ||
- | [๑๐๙]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๐๙]< | ||
อัตตาและโลกว่า เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย ด้วยมูลเหตุ ๒ อย่าง ข้อนั้นเป็นความ | อัตตาและโลกว่า เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย ด้วยมูลเหตุ ๒ อย่าง ข้อนั้นเป็นความ | ||
เข้าใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเหมือนกัน | เข้าใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเหมือนกัน | ||
- | [๑๑๐]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๑๐]< | ||
ส่วนอดีต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๑๘ อย่าง ข้อนั้นเป็นความ | ส่วนอดีต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๑๘ อย่าง ข้อนั้นเป็นความ | ||
เข้าใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเท่านั้น | เข้าใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเท่านั้น | ||
- | [๑๑๑]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๑๑]< | ||
จากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๑๖ อย่าง ข้อนั้นเป็นความเข้าใจของพวกเขา | จากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๑๖ อย่าง ข้อนั้นเป็นความเข้าใจของพวกเขา | ||
ผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเหมือนกัน | ผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเหมือนกัน | ||
- | [๑๑๒]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๑๒]< | ||
หลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่าง ข้อนั้นเป็นความเข้าใจของพวก | หลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่าง ข้อนั้นเป็นความเข้าใจของพวก | ||
เขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเหมือนกัน | เขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเหมือนกัน | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p41></ | + | <a name=p41></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop> | ||
+ | |||
+ | [๑๑๓]< | ||
ก็มิใช่ บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ด้วย | ก็มิใช่ บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ด้วย | ||
มูลเหตุ ๘ อย่าง ข้อนั้นเป็นความเข้าใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา | มูลเหตุ ๘ อย่าง ข้อนั้นเป็นความเข้าใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา | ||
ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเหมือนกัน | ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเหมือนกัน | ||
- | [๑๑๔]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๑๔]< | ||
สูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๗ อย่าง ข้อนั้นเป็น | สูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๗ อย่าง ข้อนั้นเป็น | ||
ความเข้าใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหา | ความเข้าใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหา | ||
เหมือนกัน | เหมือนกัน | ||
- | [๑๑๕]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๑๕]< | ||
นิพพานในปัจจุบันว่าเป็นบรมธรรมของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๕ อย่าง ข้อนั้นเป็น | นิพพานในปัจจุบันว่าเป็นบรมธรรมของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๕ อย่าง ข้อนั้นเป็น | ||
ความเข้าใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหา | ความเข้าใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหา | ||
เหมือนกัน | เหมือนกัน | ||
- | [๑๑๖]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๑๖]< | ||
ปรารภขันธ์ส่วนอนาคต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๔๔ อย่าง | ปรารภขันธ์ส่วนอนาคต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๔๔ อย่าง | ||
ข้อนั้นเป็นความเข้าใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของ | ข้อนั้นเป็นความเข้าใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของ | ||
คนมีตัณหาเท่านั้น | คนมีตัณหาเท่านั้น | ||
- | [๑๑๗]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๑๗]< | ||
กำหนดขันธ์ส่วนอนาคต และพวกที่กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ล้วนมีความ | กำหนดขันธ์ส่วนอนาคต และพวกที่กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ล้วนมีความ | ||
เห็นคล้อยตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต | เห็นคล้อยตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต | ||
บรรทัด 1230: | บรรทัด 1543: | ||
พวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเท่านั้น | พวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเท่านั้น | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๑๘]< | ||
บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | ||
- | [๑๑๙]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๑๙]< | ||
โลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะ | โลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะ | ||
เป็นเหตุ | เป็นเหตุ | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p42></ | + | <a name=p42></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop> | ||
+ | |||
+ | [๑๒๐]< | ||
โลกไม่มีที่สุด ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | โลกไม่มีที่สุด ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | ||
- | [๑๒๑]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๒๑]< | ||
ย่อมกล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอน ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | ย่อมกล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอน ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | ||
- | [๑๒๒]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๒๒]< | ||
อัตตาและโลกว่า เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย ด้วยมูลเหตุ ๒ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะ | อัตตาและโลกว่า เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย ด้วยมูลเหตุ ๒ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะ | ||
เป็นเหตุ | เป็นเหตุ | ||
- | [๑๒๓]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๒๓]< | ||
ขันธ์ส่วนอดีต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๑๘ อย่าง ข้อนั้นก็ | ขันธ์ส่วนอดีต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๑๘ อย่าง ข้อนั้นก็ | ||
เพราะผัสสะเป็นเหตุ | เพราะผัสสะเป็นเหตุ | ||
- | [๑๒๔]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๒๔]< | ||
หลังจากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๑๖ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | หลังจากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๑๖ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | ||
- | [๑๒๕]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๒๕]< | ||
หลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | หลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | ||
- | [๑๒๖]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๒๖]< | ||
ก็มิใช่ บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ด้วย | ก็มิใช่ บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ด้วย | ||
มูลเหตุ ๘ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | มูลเหตุ ๘ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | ||
- | [๑๒๗]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๒๗]< | ||
สูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๗ อย่าง ข้อนั้นเพราะ | สูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๗ อย่าง ข้อนั้นเพราะ | ||
ผัสสะเป็นเหตุ | ผัสสะเป็นเหตุ | ||
- | [๑๒๘]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๒๘]< | ||
นิพพานในปัจจุบันว่าเป็นบรมธรรมของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๕ อย่าง ข้อนั้นเพราะ | นิพพานในปัจจุบันว่าเป็นบรมธรรมของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๕ อย่าง ข้อนั้นเพราะ | ||
ผัสสะเป็นเหตุ | ผัสสะเป็นเหตุ | ||
- | [๑๒๙]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๒๙]< | ||
ปรารภขันธ์ส่วนอนาคต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๔๔ อย่าง ข้อ | ปรารภขันธ์ส่วนอนาคต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๔๔ อย่าง ข้อ | ||
นั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | นั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p43></ | + | <a name=p43></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop> | ||
+ | |||
+ | [๑๓๐]< | ||
กำหนดขันธ์ส่วนอนาคต และพวกที่กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ล้วนมีความ | กำหนดขันธ์ส่วนอนาคต และพวกที่กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ล้วนมีความ | ||
เห็นคล้อยตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต | เห็นคล้อยตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต | ||
ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๖๒ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๖๒ อย่าง ข้อนั้นเพราะผัสสะเป็นเหตุ | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๓๑]< | ||
บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาเว้น | บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาเว้น | ||
จากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | จากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | ||
- | [๑๓๒]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๓๒]< | ||
โลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่ | โลกว่า บางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่ | ||
พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | ||
- | [๑๓๓]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๓๓]< | ||
มีที่สุดด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | มีที่สุดด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | ||
- | [๑๓๔]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๓๔]< | ||
ย่อมกล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอนด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาเว้น | ย่อมกล่าวหลบเลี่ยงไม่แน่นอนด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาเว้น | ||
จากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | จากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | ||
- | [๑๓๕]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๓๕]< | ||
อัตตาและโลกว่า เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย ด้วยมูลเหตุ ๒ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่ | อัตตาและโลกว่า เกิดขึ้นเองไม่มีเหตุปัจจัย ด้วยมูลเหตุ ๒ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่ | ||
พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | ||
- | [๑๓๖]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๓๖]< | ||
ขันธ์ส่วนอดีต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๑๘ อย่าง เป็นไปไม่ได้ | ขันธ์ส่วนอดีต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๑๘ อย่าง เป็นไปไม่ได้ | ||
เลยที่พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | เลยที่พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | ||
- | [๑๓๗]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๓๗]< | ||
จากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๑๖ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาเว้น | จากตายแล้วว่ามีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๑๖ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาเว้น | ||
จากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | จากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p44></ | + | <a name=p44></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
- | </p class=reftop> | + | [๑. พรหมชาลสูตร] |
+ | </p class=reftop></ | ||
+ | </p class=reftop> | ||
+ | |||
+ | [๑๓๘]< | ||
หลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาเว้น | หลังจากตายแล้วว่าไม่มีสัญญา ด้วยมูลเหตุ ๘ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาเว้น | ||
จากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | จากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | ||
- | [๑๓๙]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๓๙]< | ||
ก็มิใช่ บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ด้วย | ก็มิใช่ บัญญัติอัตตาหลังจากตายแล้วว่ามีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ด้วย | ||
มูลเหตุ ๘ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | มูลเหตุ ๘ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | ||
- | [๑๔๐]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๔๐]< | ||
ความพินาศและความไม่เกิดอีกของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๗ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลย | ความพินาศและความไม่เกิดอีกของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๗ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลย | ||
ที่พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | ที่พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | ||
- | [๑๔๑]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๔๑]< | ||
นิพพานในปัจจุบันว่าเป็นบรมธรรมของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๕ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลย | นิพพานในปัจจุบันว่าเป็นบรมธรรมของสัตว์ ด้วยมูลเหตุ ๕ อย่าง เป็นไปไม่ได้เลย | ||
ที่พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | ที่พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | ||
- | [๑๔๒]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๔๒]< | ||
ปรารภขันธ์ส่วนอนาคต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๔๔ อย่าง | ปรารภขันธ์ส่วนอนาคต ประกาศวาทะแสดงทิฏฐิต่างๆ ด้วยมูลเหตุ ๔๔ อย่าง | ||
เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | ||
- | [๑๔๓]< | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๔๓]< | ||
กำหนดขันธ์ส่วนอนาคต และพวกที่กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ล้วนมี | กำหนดขันธ์ส่วนอนาคต และพวกที่กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ล้วนมี | ||
ความเห็นคล้อยตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตและ | ความเห็นคล้อยตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตและ | ||
บรรทัด 1319: | บรรทัด 1690: | ||
พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | พวกเขาเว้นจากผัสสะแล้วจะยังรู้สึกได้ | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๔๔]< | ||
บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง พวกที่มีวาทะว่า บางอย่าง | บัญญัติอัตตาและโลกว่าเที่ยง ด้วยมูลเหตุ ๔ อย่าง พวกที่มีวาทะว่า บางอย่าง | ||
เที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ฯลฯ พวกที่มีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด ฯลฯ พวก | เที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง ฯลฯ พวกที่มีวาทะว่า โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด ฯลฯ พวก | ||
บรรทัด 1326: | บรรทัด 1699: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p45></ | + | <a name=p45></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop> | </p class=reftop> | ||
พวกที่มีวาทะว่า อัตตาหลังจากตายแล้วมีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ฯลฯ พวก | พวกที่มีวาทะว่า อัตตาหลังจากตายแล้วมีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ฯลฯ พวก | ||
บรรทัด 1343: | บรรทัด 1718: | ||
และอุปายาส (ความคับแค้นใจ) | และอุปายาส (ความคับแค้นใจ) | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๔๕]< | ||
ผัสสายตนะ ๖ และอุบายเครื่องสลัดผัสสายตนะเหล่านั้นออกตามความเป็นจริง | ผัสสายตนะ ๖ และอุบายเครื่องสลัดผัสสายตนะเหล่านั้นออกตามความเป็นจริง | ||
เมื่อนั้นเธอย่อมรู้ชัดยิ่งกว่าสมณพราหมณ์เหล่านั้น | เมื่อนั้นเธอย่อมรู้ชัดยิ่งกว่าสมณพราหมณ์เหล่านั้น | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๔๖]< | ||
ที่กำหนดขันธ์ส่วนอนาคต และพวกที่กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ล้วนมี | ที่กำหนดขันธ์ส่วนอนาคต และพวกที่กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ล้วนมี | ||
ความเห็นคล้อยตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตและ | ความเห็นคล้อยตามขันธ์ทั้งส่วนอดีตและอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตและ | ||
- | <a name=p45attha></ | + | <a name=p45attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
บรรทัด 1356: | บรรทัด 1735: | ||
<small class=foot2> | <small class=foot2> | ||
<hr> | <hr> | ||
- | <a name=p46></ | + | <a name=p46></ |
- | </p class=reftop></ | + | |
+ | [๑. พรหมชาลสูตร] | ||
+ | </p class=reftop></ | ||
</p class=reftop> | </p class=reftop> | ||
ปกคลุมเอาไว้ ตกอยู่ในตาข่ายนี้ เมื่อโผล่ขึ้นก็โผล่อยู่ในตาข่ายนี้ ติดอยู่ในตาข่ายนี้ | ปกคลุมเอาไว้ ตกอยู่ในตาข่ายนี้ เมื่อโผล่ขึ้นก็โผล่อยู่ในตาข่ายนี้ ติดอยู่ในตาข่ายนี้ | ||
ถูกปกคลุมเอาไว้ เมื่อโผล่ขึ้นก็โผล่อยู่ในตาข่ายนี้เอง | ถูกปกคลุมเอาไว้ เมื่อโผล่ขึ้นก็โผล่อยู่ในตาข่ายนี้เอง | ||
- | เปรียบเหมือนชาวประมง หรือลูกมือชาวประมง ผู้ชำนาญ ใช้แหตาถี่ทอดลง | + | </ |
หนองน้ำเล็กๆ เขาคิดว่า บรรดาสัตว์ตัวใหญ่ในหนองน้ำแห่งนี้ทั้งหมดถูกแหครอบ | หนองน้ำเล็กๆ เขาคิดว่า บรรดาสัตว์ตัวใหญ่ในหนองน้ำแห่งนี้ทั้งหมดถูกแหครอบ | ||
เอาไว้ อยู่ในแหนี้ เมื่อผุดขึ้นก็ผุดอยู่ในแหนี้ ติดอยู่ในแหนี้ ถูกครอบเอาไว้ เมื่อผุด | เอาไว้ อยู่ในแหนี้ เมื่อผุดขึ้นก็ผุดอยู่ในแหนี้ ติดอยู่ในแหนี้ ถูกครอบเอาไว้ เมื่อผุด | ||
บรรทัด 1371: | บรรทัด 1752: | ||
ถูกปกคลุมเอาไว้ เมื่อโผล่ขึ้นก็โผล่อยู่ในตาข่ายนี้เอง ฉันนั้น | ถูกปกคลุมเอาไว้ เมื่อโผล่ขึ้นก็โผล่อยู่ในตาข่ายนี้เอง ฉันนั้น | ||
< | < | ||
- | </ | + | </ |
+ | |||
+ | [๑๔๗]< | ||
เทวดาและมนุษย์จักเห็นกายของตถาคตได้ชั่วเวลายังดำรงอยู่ หลังจากกายแตก | เทวดาและมนุษย์จักเห็นกายของตถาคตได้ชั่วเวลายังดำรงอยู่ หลังจากกายแตก | ||
สลายไปเพราะสิ้นชีวิตแล้ว เทวดาและมนุษย์จักไม่เห็นกายนั้นอีก | สลายไปเพราะสิ้นชีวิตแล้ว เทวดาและมนุษย์จักไม่เห็นกายนั้นอีก | ||
- | เปรียบเหมือนเมื่อกลุ่มผลมะม่วงถูกตัดขั้ว ผลมะม่วงทั้งหมดที่ห้อยอยู่กับขั้วก็ | + | </ |
ย่อมติดตามขั้วนั้นไป ฉันใด กายของตถาคตขาดตัณหาที่พาไปสู่ภพเสียแล้ว เทวดา | ย่อมติดตามขั้วนั้นไป ฉันใด กายของตถาคตขาดตัณหาที่พาไปสู่ภพเสียแล้ว เทวดา | ||
และมนุษย์จักเห็นกายของตถาคตได้ชั่วเวลาที่ยังดำรงอยู่ หลังจากกายแตกสลายไป | และมนุษย์จักเห็นกายของตถาคตได้ชั่วเวลาที่ยังดำรงอยู่ หลังจากกายแตกสลายไป | ||
เพราะสิ้นชีวิตแล้ว เทวดาและมนุษย์จักไม่เห็นกายนั้นอีก ฉันนั้น” | เพราะสิ้นชีวิตแล้ว เทวดาและมนุษย์จักไม่เห็นกายนั้นอีก ฉันนั้น” | ||
- | <a name=p46attha></ | + | <a name=p46attha></ |
< | < | ||
< | < | ||
บรรทัด 1387: | บรรทัด 1770: | ||
<hr> | <hr> | ||
<a name=p47></ | <a name=p47></ | ||
- | </webcode> | + | |
+ | “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏ ธรรมบรรยายนี้มีชื่อว่าอะไร | ||
+ | พระพุทธเจ้าข้า” | ||
+ | | ||
+ | ประโยชน์ (อรรถชาละ) ก็ได้ ข่ายแห่งธรรม (ธรรมชาละ) ก็ได้ ข่ายแห่ง | ||
+ | สัพพัญญุตญาณอันประเสริฐ (พรหมชาละ) ก็ได้ ข่ายแห่งทิฏฐิ(ทิฏฐิชาละ) ก็ได้ | ||
+ | ตำราพิชัยสงคราม (สังคามวิชัย) อันยอดเยี่ยมก็ได้< | ||
+ | | ||
+ | เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสเวยยากรณภาษิตนี้จบลง โลกธาตุที่ประกอบด้วย ๑๐, | ||
+ | จักรวาลได้หวั่นไหวแล้วแล | ||
+ | < | ||
+ | </ | ||
+ | < | ||
+ | < | ||
+ | < | ||
+ | < | ||
+ | < | ||
+ | </html> | ||